งานประจำ กับ ธุรกิจส่วนตัวอะไรดีกว่ากัน?
|

งานประจำ กับ ธุรกิจส่วนตัวอะไรดีกว่ากัน?

เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับหลายๆคนจะทำงานประจำดีหรือทำธุรกิจส่วนตัวดีกว่ากัน คนที่ทำงานประจำแต่ยังไม่เคยทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อนก็คิดแบบนึง ส่วนคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อนไม่เคยทำงานประจำก็คิดแบบนึง แล้วแบบไหนละที่ดีกว่ากัน

เวลา

ทำงานประจำ: สำหรับผู้ทำงานประจำนั้น เวลาเข้าออกงานโดยส่วนใหญ่จะถูกระบุไว้แล้ว เช่น 8.00-17.00 แต่ก็อาจไม่ได้เลิกงานตรงเวลาหรืออาจต้องทำงานล่วงเวลากันโดยที่อาจจะได้รายได้เพิ่มเติมเป็น OT หรือไม่ได้เลย แต่เวลาทำงานก็จะถูกกำหนดจากบริษัทว่าจำเป็นต้องเข้าออกกี่โมง มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์และมีวันหยุดประจำปี

ทำธุรกิจส่วนตัว: เวลางานอาจจะยืดหยุ่นกว่า อาจจะเริ่มต้นงานสาย อาจจะเลิกงานเร็วขึ้นหากมีเหตุจำเป็นหรือธุระส่วนตัวที่จำเป็นต้องรีบทำให้เรียบร้อย อาจจะต้องทำงานเยอะกว่าเมื่อทำงานประจำเมื่อมีงานเร่งด่วนหรือว่าอาจต้องทำงานเสาร์อาทิตย์ไม่มีเวลาวันหยุดโดยเฉพาะช่วงแรกๆจะมีเวลาสำหรับการพักผ่อนนั้นน้อยกว่าการทำงานประจำเป็นมาก รวมถึงวันหยุดประจำปีก็อาจจะไม่มีเหมือนตอนทำงานประจำ แต่เมื่อไรที่ทุกอย่างเริ่มลงตัว งานเริ่มจัดการได้รวมถึงจัดการเวลาต่างๆได้ จะทำให้มีเวลาที่ค่อนข้างยืดหยุ่นกว่าช่วงทำงานประจำเป็นอย่างมาก

รายได้

ทำงานประจำ: รายได้จากงานประจำนั้นก็คือเงินเดือน OT ต่างๆ โบนัสประจำปี ค่าคอมมิสชั่นในการขาย หลักๆรายได้จากการทำงานประจำก็จะมีประมาณนี้ ถ้าอยากได้เพิ่ม ต้องย้ายงาน รับจ็อบเพิ่ม หรือทำ OT เยอะหน่อยหรือว่าลุ้นโบนัสประจำปีให้เยอะขึ้น ซึ่งดูแล้วข้อดีคือการมีรายได้ประจำที่มีทุกเดือน ทำให้วางแผนการใช้จ่ายได้เป็นระเบียบ สามารถเลือกผ่อนอะไรได้แต่ให้ดูว่ารายจ่ายแต่ละเดือนที่จะผ่อนนั้นไม่เกินรายรับแต่ละเดือน แต่ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นเท่าที่ต้องการได้แม้ว่าเงินเดือนจะมีการปรับขึ้นอยู่ตลอดแต่การปรับขึ้นนั้นก็มีข้อจำกัดและอาจไม่ได้ปรับเยอะมากเท่าไรยกเว้นว่าได้เลื่อนตำแหน่งหรือว่ามีผลงานที่โดดเด่นจริงๆ

ทำธุรกิจส่วนตัว: รายได้ช่วงต้นคือติดลบ ถ้าไม่เผื่อใจเตรียมใจไว้ดีๆมีสิทธิ์ทนไม่ไหว เพราะว่ารายได้ประมาณ 3-12 เดือนจะค่อนข้างแย่เป็นช่วงวัดใจผู้ที่เริ่มมาทำธุรกิจส่วนตัวมากที่สุดเพราะว่าทุกอย่างจะไม่เป็นดั่งใจเท่าไร เงินก็ลงทุนไปเยอะ เงินสำหรับใช้จ่ายธุรกิจ เงินสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวก็เตรียมมาไม่มากเพราะคิดว่าเริ่มต้นปุ้ปจะขายดีได้รายได้เข้ากระเป๋าเลย แต่มันมักไม่ใช่แบบนั้น กว่าจะเริ่มตั้งหลักได้อย่างน้อยๆน่าจะมีประมาณ 6 เดือนและหลายๆคนอาจจะตั้งไข่ได้ตอนผ่านไป 3 ปี ซึ่งหากดูระยะเวลาแล้วไม่ได้เร็วอย่างที่คิด ถ้าเกิดว่ามีเงินไม่เพียงพอสำหรับช่วงแรกๆแล้วมักจะเป็นช่วงที่ทำให้เป๋กันไป แต่เมื่อเริ่มตั้งไข่ได้แล้ว ปรับนู่นนี่จนผลประกอบการเริ่มเป็นบวก ลูกค้าเริ่มรู้จักเริ่มซื้อซ้ำต่อเนื่อง เจอแนวทางตัวเองแล้ว จะเริ่มปลดล็อคได้ รายได้เข้าและจะมากขึ้นแบบไม่มีเพดานบน ซึ่งหากทำมากก็มีสิทธิ์ได้มากตามขึ้นไปและถ้าทำสำเร็จจะสามารถหารายได้ได้มากกว่าการทำงานประจำค่อนข้างมาก

การทำงาน

ทำงานประจำ: วิธีการทำงานนั้นสำหรับการทำงานประจำ เราอาจจะพอเลือกทีมงานได้นิดหน่อยหากเราเป็นหัวหน้างานที่มีอำนาจในการเลือกทีมงานหรือว่ากำหนด requirement ต่างๆได้ก็จะทำให้เราสามารถกำหนดทีมงานที่มีลักษณะความรู้ในแบบที่เราต้องการมาได้ แต่ถึงมีสิทธิในการเลือกบ่อยครั้งก็ไม่สามารถเลือกคนเลือกทีมได้เนื่องจากอาจมีคนที่อำนาจสูงกว่าเราต้องการทีมงานคนอื่นที่เราไม่ต้องการ หรือว่าเราอาจจะถูกย้ายงานไปแผนกนั้นแผนกนี้และคนที่เลือกเข้ามาในตอนแรกนั้นก็ไม่ได้มาอยู่ในทีมเดียวกับเราตลอด แต่การทำงานประจำนั้นแน่นอนว่าจะมีทีมงานที่คอยช่วยเหลือเราแน่ๆโดยที่หากเป็นบริษัทใหญ่ก็จะมีทีมงานที่หลากหลาย มีหลายแผนกให้คอยช่วย support เช่น แผนก IT, บัญชี, บุคคล ซึ่งทำให้เราสามารถโฟกัสงานที่เราทำอยู่ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี

ทำธุรกิจส่วนตัว: การทำธุรกิจส่วนตัวนั้นโดยมากจะเริ่มต้นจากทุนที่ไม่สูงนัก นั้นหมายถึงว่าจะเริ่มต้นจากคนไม่กี่คน ตัวเรา partner หรืออาจจะเป็นแค่คนในครอบครัว แปลว่าเรามีโอกาสไม่มากที่จะเลือกคนมาทำงานให้เราและช่วยเรา support หรือเรียกได้ว่าต้องทำงานด้วยตัวเองซะส่วนใหญ่ ในมุมหนึ่งคือการได้เรียนรู้ทุกแง่มุมที่จำเป็นต้องทำ แต่อีกแง่มุมนึงคือจะเป็นการ overload งานทั้งหมดมากเกินไปทำให้สามารถทำให้เจ็บป่วยหรือเครียดมากเกินไปได้ แต่เมื่อเริ่มต้นธุรกิจไปจนธุรกิจอยู่ตัว ก็สามารถเริ่มมองคนที่จะมาจ้างด้วยได้มากขึ้นและช่วยเหลืองานได้มากขึ้น แต่หากเริ่มต้นด้วยเงินทุนที่เยอะก็อาจจะสามารถจ้างคนมาเริ่มต้นช่วยกันได้ตั้งแต่แรก แต่นั่นหมายความว่าต้นทุนของธุรกิจก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นมากขึ้นตามไปด้วยและอาจต้องใช้ระยะเวลามากขึ้นเพื่อให้ธุรกิจเริ่มนิ่ง

สวัสดิการ

ทำงานประจำ: จะมีสวัสดิการแน่นอนแต่มากน้อยแตกต่างกันตามบริษัทและตำแหน่งที่ทำงาน สวัสดิการเหล่านี้รวมทั้ง วันหยุดประจำปี ค่ารักษาพยาบาลตัวเองค่ารักษาพยาบาลครอบครัว การกู้ยืมเงิน เงินเดือนระหว่างลาบวช ลาคลอด ระหว่างไม่สบาย สวัสดิการการอบรมเทรนนิ่งต่างๆ การไปดูงานต่างประเทศ รถยนต์ประจำตำแหน่ง ที่พัก ค่าเดินทางต่างประเทศต่างจังหวัด รวมถึงงานเลี้ยงต่างๆ โดยที่สวัสดิการเหล่านี้บริษัทจะจัดให้พนักงานโดยที่พนักงานไม่ต้องควักกระเป๋าออกเองเลย เรียกได้ว่าเป็นพนักงานของบริษัทเมื่อไร สามารถพัฒนาตัวเองและดูแลตัวเองให้ดีได้โดยที่ไม่กระทบเงินในกระเป๋าเลย

ทำธุรกิจส่วนตัว:เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวแน่นนอนสวัสดิการทั้งหมดจะไม่มี ยกเว้นเราควักเงินออกเองเพื่อเป็นสวัสดิการ การลงทุนเพื่ออบรม การซื้อประกันสุขภาพประกันกลุ่มพนักงาน การลาต่างๆสามารถกำหนดได้เอง แต่การลานั้นโดยเริ่มแรกก็ไม่ได้มีวันลาเหมือนกันทุกๆคนเพราะต้องใช้เวลาในการสร้างธุรกิจให้อยู่ตัวและเติบโตดังนั้นกว่าจะเริ่มลาได้แบบไม่ต้องเป็นห่วงก็อาจใช้เวลานาน

จะเห็นได้ว่าไม่ว่าทำงานประจำหรือทำธุรกิจส่วนตัวนั้นก็มีข้อดีข้อเสียกันทั้งคู่และแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาไม่มีถูกหรือผิดหากเลือกไปทางไหน หรืออาจจะเลือกทั้งสองทางก็ได้หากมีเวลาและสามารถจัดการได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรตั้งใจทำให้ดีที่สุดตามเป้าหมายของเราทางเลือกทั้งสองทางย่อมเป็นทางเลือกที่ดีทั้งคู่

———————————————————————–

พิเศษ! Download ฟรี E-Book “สุดยอด 50 ธุรกิจและอาชีพที่น่าสนใจในปี 2020”

สุดยอด 50 ธุรกิจและอาชีพที่น่าสนใจในปี 2020

Similar Posts