15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 1)
|

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 1)

การเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวนั้นอาจจะหอมหวานแต่อาจไม่ใช่กับทุกคน หลายๆคนเจอกับดักที่ทำให้ไปต่อไม่เป็นกันมาเยอะแยะ เรามาดูกันว่ามีกับดักอะไรบ้างที่เราจะต้องระวัง

สินค้าแปลก แตกต่างไม่พอ

หลายๆคนที่เคยเจอคือเมื่อเห็นใครขายสินค้าอะไรแล้วขายดี ก็ตัดสินใจที่จะขายสินค้าตามๆกันกะจะแย่งเค้กมาบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่า มีของอย่างเดียวกันขายอยู่หลายๆร้านและเราก็เป็นหนึ่งในนั้นทำให้เราขายสินค้านั้นๆไม่ได้แม้จะเป็นสินค้าที่ขายดีและในหลายๆกรณีลูกค้าจะเลือกซื้อกับร้านค้าเดิมมากกว่าลองกับร้านใหม่หากยังพอใจกับร้านเดิม ทำให้ร้านใหม่ที่เข้ามาทำสินค้าเหมือนกันขายไม่สามารถหาจุดแตกต่างและทำรายได้ได้มากพอสุดท้ายก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว

เงินทุนไม่พอ

เงินทุนนั้นจำเป็นใช้สำหรับการทำธุรกิจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเงินทุนสำหรับการซื้อสินค้ามาสต๊อคไว้เพื่อขาย เงินทุนสำหรับค่าเช่าร้านค้าตบแต่งร้านหรือสร้างตึก เงินทุนสำหรับการดำเนินการ เงินทุนสำหรับพนักงาน เงินทุนสำหรับการตลาด จุดที่น่าเป็นห่วงคือการมองโลกในแง่ดีมากๆเกินไปคิดว่าเมื่อเริ่มต้นธุรกิจปุ๊ปจะได้ลูกค้าปั๊ปและสภาพคล่องจะกลายเป็นบวกทันทีแต่ในกรณีปกติ ธุรกิจใหม่ๆอาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือนเป็นอย่างน้อย อาจจะต้องมีเงินหมุนมากสำหรับ 6-12 เดือนหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ธุรกิจยังเดินได้ เงินในมือไม่น้อยเกินไป ยังไม่รวมถึงการขายสินค้าแบบเครดิตเข้าห้างต่างๆซึ่งเครดิตนั้นอาจยาวถึง 6 เดือนเลยก็เป็นได้ และเมื่อเงินทุนไม่มากพอต่อให้ธุรกิจกำลังขยาย การกู้ยืมเงินเพื่อขยายธุรกิจอาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

ไม่มีจุดแข็งมากพอ

จุดแข็งที่ว่าจะรวมถึงจุดแตกต่างของสินค้าและธุรกิจด้วย การมีจุดแตกต่างนิดๆหน่อยอาจไม่สร้างความแตกต่างมากนัก การแตกต่างเรื่องราคาอาจทำตลาดได้ชั่วคราวยกเว้นว่ามีการจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพจริงๆจะทำให้ต้นทุนแตกต่างได้ จุดแตกต่างจุดแข็งหลายๆอย่างสามารถถูกก็อปปี้โดยคู่แข่งของคุณได้ทันทีในระยะเวลาไม่นาน เช่น ถ้าคุณเปิดร้านอาหารและจุดเด่นของคุณคือให้ข้าวเยอะกว่า คู่แข่งของคุณก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน และหากคู่แข่งของคุณทำได้ตามคุณเมื่อไรจุดแข็งที่คุณมีก็จะหมดไปทันที

ขายผ่าน Modern Trade มากเกินไป

Modern Trade แม้ว่าจะถูกลดความสำคัญลงไปบ้างเนื่องจากตลาดออนไลน์เข้ามาแทนที่ แต่ Modern Trade นั้นก็ยังสำคัญสำหรับสินค้าอีกหลายๆประเภทจะเรียกว่ายังมีความสำคัญกับตลาดอยู่เลยก็ไม่ผิดเพี้ยนมากนัก แต่การขายให้กับ Modern Trade มากๆฟังดูเหมือนจะดีแต่อาจจะไม่ดีก็ได้ในเมื่อคุณขายของวันนี้แต่ได้รับเงินในอีก 6 เดือนข้างหน้า เมื่อขายมากขึ้นอีกเงินก็จะถูกค้างอยู่ที่ Modern Trade มากขึ้นเท่านั้น ลองคิดดูว่าใน 6 เดือนนี้คุณได้ยอดขายถล่มทลาย คุณสั่งของมาขายที่เครดิต 30 วันแต่กว่าจะได้เงินก็อีก 180 วันหรือ 90 วันเป็นอย่างน้อยคุณควักเงินจ่ายค่าสินค้า คุณควักเงินจ่ายค่าปฏิบัติงานต่างๆเต็มไปหมด บันทึกเป็นกำไรเยอะแยะ แต่ไม่มีเงินสดไว้ใช้จ่ายอย่างอื่น และหากไม่ได้เตรียมเอาไว้เลยเงินคุณอาจจะตึงมากจนบริหารไม่ทัน ค่าเช่าที่ต้องจ่าย ค่าพนักงานที่ต้องจ่าย รวมถึงหากไม่มีเงินมากพอจะซื้อสินค้ามาสต๊อคเอาไว้อีก คุณจะไม่มีสินค้าขายและลูกค้าจะไปซื้อที่ร้านคู่แข่งทันที ดังนั้นการขายผ่าน Modern Trade ควรจะต้องจัดการให้เป็นอย่างดี

หาคนมาช่วยทำงานไม่ได้

เมื่องานต้องขยายและทีมงานต้องถูกสร้างแต่กับธุรกิจใหม่นั้นอาจไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะหาคนที่พร้อมจะมาร่วมจมหัวจมท้ายด้วย และต่อให้ได้คนมาช่วยงานก็อาจจะไม่ถูกใจและทำงานด้วยกันยาก ทำให้เรื่องที่ดูง่ายกลับกลายเป็นไม่ง่ายและสุดท้ายกว่าจะได้คนที่เหมาะสมมาทำงานด้วยกันอาจจะต้องเสียเวลา เสียค่าจ้างและค่าเลิกจ้างไปเยอะกว่าจะได้คนมาช่วยทำงาน

(ต่อตอนที่ 2)

———————————————————————–

พิเศษ! Download ฟรี E-Book “สุดยอด 50 ธุรกิจและอาชีพที่น่าสนใจในปี 2020”

สุดยอด 50 ธุรกิจและอาชีพที่น่าสนใจในปี 2020

Similar Posts