
การเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนกับการสร้างบ้านในฝัน จากเริ่มต้นที่อาจมีเพียงแรงกายและใจของเจ้าของ แต่เมื่อบ้านหลังนั้นเริ่มขยายใหญ่ขึ้น มีผู้อยู่อาศัยมากขึ้น การสร้างและดูแลคนเดียวก็อาจไม่เพียงพอ ในโลกธุรกิจก็เช่นกัน มีหลายครั้งที่เจ้าของกิจการต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนสำคัญ นั่นคือเมื่อธุรกิจเติบโตจนถึงขีดที่ต้องพิจารณา ‘ขยายทีม’ และ ‘จ้างคนเพิ่ม’ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย แต่มันคือการลงทุนเพื่อก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ธุรกิจจะเติบโตไปอีกขั้น ลองสำรวจ 5 สัญญาณสำคัญเหล่านี้ ซึ่งอาจเป็นเครื่องบ่งชี้ว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมองหาผู้ร่วมงานเข้ามาเสริมทัพ
1. งานล้นมือ ทำทุกอย่างเองจนไม่มีเวลาคิดเรื่องกลยุทธ์
รู้สึกไหมว่าในแต่ละวัน ตื่นเช้าถึงดึกวนเวียนอยู่กับการทำทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การตลาด การขาย การจัดการบัญชี หรือแม้แต่การตอบลูกค้าด้วยตัวเองทั้งหมด การที่เจ้าของต้องจมอยู่กับงานปฏิบัติการรายวันมากเกินไป ทำให้เวลาในการมองภาพใหญ่ คิดแผนงานระยะยาว หรือพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ลดน้อยลงอย่างมาก สัญญาณนี้กำลังบอกว่าเจ้าของธุรกิจเริ่มเหนื่อยล้า และธุรกิจกำลังติดกับดักการเติบโต
2. คุณภาพงานเริ่มลดลง หรือลูกค้าเริ่มบ่น
เมื่อภาระงานมีมากเกินกว่าที่คนคนเดียวจะจัดการได้ ความละเอียดรอบคอบก็อาจลดลงตามไปด้วย ลองสังเกตว่ามีการส่งงานช้าลง สินค้ามีตำหนิ หรือบริการลูกค้าไม่ทั่วถึงเหมือนที่เคยเป็นไหม ถ้าเริ่มมีเสียงบ่นจากลูกค้า หรือคุณเองก็รู้สึกว่าคุณภาพของสิ่งที่คุณส่งมอบไม่ดีเท่าที่ควร นั่นคือสัญญาณอันตรายที่บอกว่าถึงเวลาแบ่งเบาภาระ เพื่อรักษามาตรฐานและความพึงพอใจของลูกค้าไว้
3. พลาดโอกาสใหม่ๆ หรือไม่สามารถรับงานใหญ่ได้
เคยปฏิเสธลูกค้ารายใหม่ หรือต้องบอกปัดโปรเจกต์ขนาดใหญ่ไปอย่างน่าเสียดาย เพราะรู้ว่ากำลังคนที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะรับมือได้ไหม การที่ต้องพลาดโอกาสทางธุรกิจไปเรื่อยๆ คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าธุรกิจของคุณมีศักยภาพที่จะเติบโตได้มากกว่านี้ แต่ถูกจำกัดด้วยกำลังคนที่ขาดไป การจ้างคนเพิ่มจะช่วยให้คุณสามารถคว้าโอกาสเหล่านั้นและขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น
4. ยอดขายและรายได้เติบโตต่อเนื่อง จนรับมือไม่ไหว
นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งที่บ่งบอกว่าธุรกิจของคุณกำลังไปได้สวย ตัวเลขยอดขายที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอในแต่ละเดือน หรือแต่ละไตรมาส แสดงให้เห็นถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถ้าคุณไม่สามารถเพิ่มกำลังคนมารองรับความต้องการที่มากขึ้นนี้ได้ทันท่วงที อาจทำให้เกิดปัญหาคอขวด บริการสะดุด หรือลูกค้าต้องรอนาน ซึ่งจะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และโอกาสในการเติบโตในระยะยาว
5. รู้สึกว่าธุรกิจ “ติดขัด” ไม่ก้าวหน้าไปไหน
หากเจ้าของธุรกิจยังคงติดอยู่กับงานรูทีน งานบริหารจัดการเล็กๆ น้อยๆ และไม่สามารถหาเวลาไปพัฒนาตัวเอง พัฒนาทีม หรือพัฒนาธุรกิจให้ก้าวหน้าไปได้ ธุรกิจก็อาจจะเข้าสู่ภาวะติดขัด ไม่เกิดนวัตกรรม และอาจถูกคู่แข่งแซงหน้าไปในที่สุด การมีทีมงานเข้ามาช่วยดูแลงานส่วนต่างๆ จะช่วยปลดล็อกให้เจ้าของมีเวลาไปคิดค้นสิ่งใหม่ๆ วางแผนกลยุทธ์ และผลักดันธุรกิจให้เติบโตไปข้างหน้าอย่างแท้จริง
ลองนึกถึง ‘คุณเล็ก’ เจ้าของร้านเบเกอรี่ออนไลน์เล็กๆ ที่เริ่มต้นจาก passion ในการทำขนม แรกเริ่ม คุณเล็กทำทุกอย่างเองหมด ตั้งแต่คิดสูตร อบขนม ถ่ายรูป ตอบแชทลูกค้า จัดส่ง จนบางคืนแทบไม่ได้นอน คุณเล็กเคยพลาดโอกาสรับออเดอร์งานแต่งงานขนาดใหญ่ เพราะรู้ว่าทำคนเดียวไม่ไหว สุดท้ายคุณเล็กตัดสินใจจ้างผู้ช่วยคนแรกมาช่วยงานอบขนมและแพ็ค หลังจากนั้นไม่นานก็จ้างแอดมินมาช่วยตอบแชทและจัดการออเดอร์ การมีทีมช่วยให้คุณเล็กมีเวลาไปคิดสูตรใหม่ๆ ทำการตลาด และขยายช่องทางการขาย ทำให้ร้านเบเกอรี่ของคุณเล็กเติบโตจากร้านเล็กๆ กลายเป็นแบรนด์ขนมชื่อดังที่ออกบูธตามงานอีเว้นท์ใหญ่ๆ ได้อย่างมั่นคง
การตัดสินใจจ้างคนเพิ่มไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่แค่การเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย แต่มันคือการลงทุนที่ชาญฉลาด หากธุรกิจของคุณเริ่มแสดงสัญญาณเหล่านี้ชัดเจน การมองหาทีมงานที่เหมาะสมเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ จะช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และปลดล็อกศักยภาพการเติบโตที่แท้จริงของธุรกิจ อย่ากลัวที่จะแบ่งปันภาระงานและเชื่อมั่นในพลังของทีม เพราะการเติบโตที่ยั่งยืน มักมาพร้อมกับการทำงานร่วมกันเป็นทีมที่แข็งแกร่งเสมอ
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับเราได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand