4 ช่องทางรายได้ (Revenue Streams) ที่ธุรกิจเล็กๆ ของคุณสามารถสร้างได้

มีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองไหม โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจเข้ามาทักทาย หลายคนเริ่มมองหาช่องทางสร้างรายได้เสริม หรืออยากผันตัวมาเป็นเจ้าของกิจการที่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตัวเองได้มากขึ้น แต่กลับรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนดี รายได้ของธุรกิจจะมาจากทางเดียวพอจริงหรือ

ในฐานะที่คลุกคลีกับการให้คำปรึกษาผู้เริ่มต้นธุรกิจมามากมาย สิ่งหนึ่งที่พบเจออยู่เสมอคือ หลายคนมักจะมองหาแค่ “สินค้า” หรือ “บริการ” หลักเพียงอย่างเดียว และคิดว่านั่นคือทั้งหมดของรายได้ แต่แท้จริงแล้วการสร้าง “กระแสรายได้” ที่หลากหลายและมั่นคง คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว เหมือนกับการสร้างบ้านที่ไม่ควรมีเสาหลักแค่ต้นเดียว การมีช่องทางรายได้ที่หลากหลายจะช่วยลดความเสี่ยงเมื่อช่องทางใดช่องทางหนึ่งได้รับผลกระทบ นี่คือแนวคิดสำคัญที่อยากจะแบ่งปัน

การพึ่งพิงรายได้จากแหล่งเดียวมีความเสี่ยงสูงมาก ลองนึกภาพร้านค้าที่ขายสินค้าประเภทเดียว หากสินค้าตัวนั้นหลุดเทรนด์ หรือมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งกว่าเข้ามา หรือแม้กระทั่งวัตถุดิบขาดตลาด ธุรกิจก็อาจสะดุดได้ทันที การมีกระแสรายได้หลายช่องทางจึงเป็นการสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและมีสภาพคล่องที่ดีขึ้น เพื่อให้ธุรกิจขนาดเล็กมีทางเลือกที่มั่นคง นี่คือ 4 ช่องทางรายได้ที่สามารถสร้างและพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  1. รายได้จากการขายสินค้าโดยตรง (Direct Product Sales) นี่คือรูปแบบรายได้พื้นฐานที่หลายคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจับต้องได้ เช่น ขนมอบโฮมเมด งานฝีมือ เสื้อผ้า หรือสินค้าดิจิทัลอย่าง E-book คอร์สออนไลน์สำเร็จรูป หรือเทมเพลตดีไซน์ การสร้างสรรค์สินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และมีคุณภาพดี จะเป็นแหล่งรายได้หลักที่สำคัญตัวอย่าง ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ที่เริ่มต้นจากการทำขนมปัง sourdough ขายผ่านช่องทางออนไลน์ในหมู่บ้าน ได้รับผลตอบรับดีมาก หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดหน้าร้านเล็กๆ และขายสินค้าอย่างอื่นเพิ่มเติม เช่น แยมโฮมเมด หรือกาแฟดริป ซึ่งเป็นสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกันแต่ให้ความหลากหลายแก่ลูกค้ามากขึ้น
  2. รายได้จากการให้บริการ (Service-Based Income) หากมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านใดด้านหนึ่ง สามารถเปลี่ยนความรู้เหล่านั้นมาเป็นบริการที่สร้างรายได้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษา การสอนพิเศษ การออกแบบกราฟิก การเขียนบทความ หรือแม้แต่บริการดูแลสัตว์เลี้ยง สิ่งสำคัญคือการสื่อสารให้ลูกค้าเห็นถึงคุณค่าและผลลัพธ์ที่ได้รับจากการใช้บริการตัวอย่าง ฟรีแลนซ์นักออกแบบกราฟิกที่รับทำโลโก้และสื่อการตลาดให้กับธุรกิจขนาดเล็ก เริ่มต้นจากการรับงานเป็นชิ้นๆ จากนั้นเมื่อมีชื่อเสียง ก็เริ่มเสนอแพ็กเกจบริการแบบรายเดือนสำหรับการดูแลโซเชียลมีเดีย หรือการออกแบบงานต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากรายได้ต่อชิ้นมาเป็นรายได้แบบต่อเนื่องและมั่นคงขึ้น
  3. รายได้แบบบอกรับสมาชิกหรือรายได้ประจำ (Subscription/Recurring Revenue) นี่คือรูปแบบรายได้ที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอในระยะยาวจากการที่ลูกค้าจ่ายค่าบริการเป็นประจำ เช่น รายเดือนหรือรายปี ไม่ว่าจะเป็นบริการซอฟต์แวร์ คอร์สเรียนออนไลน์แบบต่อเนื่อง กล่องชุดของขวัญประจำเดือน หรือแม้แต่บริการทำความสะอาดบ้านตามตารางเวลา การมีรายได้ประเภทนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์กระแสเงินสดได้ดีขึ้นมากตัวอย่าง ธุรกิจเล็กๆ ที่ผลิตน้ำสลัดโฮมเมด เริ่มต้นจากการขายขวดต่อขวด แต่ต่อมาได้สร้างโมเดลการสมัครสมาชิกที่ลูกค้าสามารถรับน้ำสลัดชุดใหม่ๆ พร้อมผักสดเดลิเวอรี่ทุกสัปดาห์ในราคาพิเศษ ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างรายได้ประจำ แต่ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับลูกค้าอีกด้วย
  4. รายได้จากการเป็นตัวแทน/พันธมิตร หรือการสร้างคอนเทนต์ (Affiliate/Partnership & Content Monetization) ช่องทางนี้อาจไม่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าหรือบริการโดยตรง แต่เป็นการสร้างรายได้จากการเชื่อมโยงธุรกิจกับผู้อื่น หรือจากการสร้างคุณค่าผ่านคอนเทนต์ การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของผู้อื่น ได้รับค่าคอมมิชชัน การทำรีวิวสินค้า การเป็นบล็อกเกอร์หรือ YouTuber ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและมีรายได้จากโฆษณา หรือการขายคอร์สออนไลน์แบบสำเร็จรูปที่สร้างไว้ครั้งเดียวแต่ขายได้เรื่อยๆ ตัวอย่าง คุณแม่นักเขียนบล็อกที่แชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกและทำอาหารสุขภาพ เริ่มแรกเขียนด้วยความชอบ แต่เมื่อมีผู้ติดตามจำนวนมาก ก็เริ่มมีรายได้จากการรีวิวสินค้าเด็ก ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ได้รับค่าสปอนเซอร์ในการเขียนบทความเฉพาะกิจ รวมถึงการเปิดคอร์สสอนทำอาหารสำหรับเด็กเล็กออนไลน์ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากความสนใจกลายเป็นช่องทางรายได้หลายรูปแบบ

การมีหลายช่องทางรายได้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจของคุณมีความมั่นคงมากขึ้น แต่ยังช่วยเปิดโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้อีกด้วย การเริ่มต้นธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีรายได้ครบทั้งสี่ช่องทางในทันที แต่ให้เริ่มต้นจากสิ่งที่มีและค่อยๆ แตกแขนงออกไปทีละน้อย เรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ

สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับเราได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand