
การเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนการสร้างบ้าน ไม่ใช่แค่มีที่ดินกับวัสดุก็พอ แต่ต้องมีแบบแปลนที่ชัดเจน มีโครงสร้างที่แข็งแรง และมีวิศวกรคอยดูแลควบคุม จึงจะมั่นใจได้ว่าบ้านหลังนั้นจะยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางลมฝนและเวลาที่เปลี่ยนไป ธุรกิจก็เช่นกัน มีผู้คนมากมายที่มีความฝัน มีไอเดีย และความมุ่งมั่นอยากเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง แต่รู้ไหมว่า มีธุรกิจขนาดเล็กกว่า 90% ต้องปิดตัวลงไปในปีแรก นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ แต่บ่อยครั้งมันคือการก้าวพลาดในจุดเล็กๆ ที่มองข้ามไป บทความนี้จะชวนมาเปิดตำรา ‘เจ๊ง’ ฉบับย่อ เพื่อให้รู้เท่าทัน 5 ข้อผิดพลาดใหญ่ๆ ที่มักเกิดขึ้น และเตรียมพร้อมก้าวข้ามไปสู่ความสำเร็จ
- 1. ขาดแผนธุรกิจที่ชัดเจน ไม่รู้จะไปทางไหน หลายคนเริ่มต้นธุรกิจจาก Passion หรือไอเดียที่ยอดเยี่ยม แต่กลับละเลยการวางแผนที่จริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเขียนแผนธุรกิจที่ละเอียด หรือแม้กระทั่งการกำหนดทิศทางแบบคร่าวๆ ก็ตาม การทำธุรกิจโดยไม่มีแผนที่ชัดเจนก็เหมือนการออกเดินทางไปในทะเลกว้างโดยไม่มีเข็มทิศ ไม่รู้ว่าจุดหมายอยู่ตรงไหน จะไปถึงเมื่อไหร่ และต้องเจออุปสรรคอะไรบ้าง การไม่มีแผนทำให้ไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ ไม่รู้ว่าต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ ไม่รู้จะหาลูกค้าจากไหน และเมื่อเจอปัญหา ก็ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร มีลูกศิษย์คนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า เขาเริ่มต้นธุรกิจร้านขนมปังอบสดด้วยความชอบส่วนตัว ทุกอย่างดูดีในช่วงแรก แต่พอถึงจุดที่ต้องขยายกิจการ เขาพบว่าตัวเองไม่มีโครงสร้างราคาที่ชัดเจน ไม่มีการกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไม่ได้วางแผนการตลาดล่วงหน้า สุดท้ายก็ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและยอดขายที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เพียงเพราะเริ่มต้นโดยไม่ได้วางแผนให้รัดกุมตั้งแต่แรก ดังนั้น การวางแผนธุรกิจไม่ใช่เรื่องซับซ้อนที่ต้องใช้ภาษาทางการมากมาย แต่เป็นการสร้างเข็มทิศให้กิจการเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีทิศทาง
- 2. ไม่เข้าใจลูกค้าและตลาดอย่างถ่องแท้ นี่คือข้อผิดพลาดคลาสสิกที่พบบ่อย ธุรกิจส่วนใหญ่มักเริ่มจากการสร้างสินค้าหรือบริการที่ตัวเองชอบ หรือคิดว่าดี โดยไม่ได้ศึกษาให้ลึกซึ้งว่า กลุ่มเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร พวกเขาต้องการอะไร มีปัญหาอะไรที่ธุรกิจจะเข้าไปช่วยแก้ได้ ราคาที่พวกเขาพร้อมจ่ายอยู่ที่เท่าไหร่ และคู่แข่งในตลาดเป็นอย่างไร การละเลยขั้นตอนนี้ทำให้ธุรกิจผลิตสินค้าหรือบริการที่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาด ส่งผลให้ไม่มีใครสนใจซื้อ หรือแม้แต่ไม่รู้จักสินค้าของเราเลย ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจเสื้อผ้าแบรนด์เล็กๆ ที่ดีไซเนอร์ตั้งใจทำเสื้อผ้าตามสไตล์ที่ตัวเองชอบมากๆ แต่กลับไม่ได้ทำการสำรวจตลาดเลยว่า ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจริงๆ ชอบสไตล์ไหน ราคาที่เขารับได้คือเท่าไหร่ เมื่อสินค้าออกมาแล้วกลับไม่เป็นที่นิยม และไม่สามารถสร้างยอดขายได้ สุดท้ายก็ต้องกองอยู่ในสต็อกอย่างน่าเสียดาย การทำวิจัยตลาดและลงพื้นที่พูดคุยกับลูกค้าคือสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่เรากำลังสร้างสรรค์นั้น ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดและผู้บริโภคจริงๆ
- 3. การบริหารจัดการการเงินที่บกพร่อง เงินสดคือลมหายใจของธุรกิจขนาดเล็ก การบริหารจัดการการเงินที่ไม่รัดกุมคือสาเหตุอันดับต้นๆ ที่ทำให้ธุรกิจต้องปิดตัวลงเร็วที่สุด ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยคือ การไม่แยกเงินส่วนตัวกับเงินธุรกิจออกจากกัน การไม่ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ การไม่เข้าใจกระแสเงินสดเข้า-ออก รวมถึงการไม่วางแผนงบประมาณสำรองเผื่อฉุกเฉิน เมื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ธุรกิจก็อาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่องและต้องหยุดชะงักลงในที่สุด ร้านอาหารตามสั่งยอดนิยมที่ขายดีมากๆ แต่เจ้าของไม่เคยบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด ไม่ได้คำนวณต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง ค่าเช่าที่ชัดเจน และใช้เงินจากลิ้นชักร้านจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัว เมื่อถึงปลายเดือนก็พบว่าเงินในบัญชีธุรกิจไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าเช่าและค่าวัตถุดิบงวดต่อไป เรื่องนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับธุรกิจขนาดเล็กที่ขาดความรู้ด้านการเงิน ดังนั้น การทำบัญชีอย่างง่ายๆ การควบคุมค่าใช้จ่าย และการทำความเข้าใจกระแสเงินสดคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดได้
- 4. ไม่ปรับตัวหรือไม่เรียนรู้จากความผิดพลาด โลกธุรกิจเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การหยุดนิ่งเท่ากับการถอยหลัง ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จคือธุรกิจที่พร้อมจะเรียนรู้ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เสมอ ข้อผิดพลาดคือการยึดติดกับวิธีการเดิมๆ ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ไม่สนใจการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี หรือไม่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์คู่แข่ง เมื่อเทรนด์เปลี่ยนไป พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป ธุรกิจที่ไม่ยอมปรับตัวก็จะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ลองนึกถึงร้านเช่าวิดีโอสมัยก่อนที่เคยรุ่งเรือง แต่เมื่อเทคโนโลยีสตรีมมิ่งเข้ามา พวกเขาส่วนใหญ่กลับไม่ปรับตัว ไม่ศึกษาความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป และยังคงยึดติดกับโมเดลธุรกิจแบบเดิมๆ สุดท้ายลูกค้าก็หายไปและต้องปิดตัวลงในที่สุด ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักจะมีคำถามเสมอว่า “เราจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไร” “ลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มเติมไหม” “มีอะไรที่ต้องปรับปรุงอีกบ้าง” ความยืดหยุ่นและความพร้อมที่จะเรียนรู้จากทุกสถานการณ์คือกุญแจสำคัญ
- 5. ล้มเลิกเร็วเกินไป ขาดความอดทน ข้อผิดพลาดสุดท้ายที่มักพบบ่อยคือ การล้มเลิกเร็วเกินไป ธุรกิจส่วนใหญ่มักคาดหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ เมื่อเริ่มต้นแล้วไม่เป็นไปตามเป้า หรือเจอกับอุปสรรคเพียงเล็กน้อย ก็ท้อแท้และยอมแพ้ไปเสียก่อนที่จะเห็นผลลัพธ์ที่แท้จริง การเริ่มต้นธุรกิจคือการเดินทางที่ยาวไกล มีทั้งวันที่มีแดดจัดและวันที่มีพายุฝน การขาดความอดทนและความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าอุปสรรคจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายธุรกิจไปไม่ถึงฝั่งฝัน ธุรกิจขนมโฮมเมดที่เริ่มต้นจากความตั้งใจและมี Passion เต็มเปี่ยม แต่เมื่อยอดขายในเดือนแรกไม่เป็นไปตามที่วาดฝันไว้ เพราะยังขาดการตลาดที่ดีพอ ก็เริ่มท้อถอย และตัดสินใจเลิกทำไปในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งๆ ที่หากได้ลองปรับปรุงเรื่องการตลาด เรียนรู้จากคู่แข่ง และอดทนทำต่อไปอีกสักพัก ก็อาจจะประสบความสำเร็จได้ การมี Passion และความอดทนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะในช่วงแรกของการเริ่มต้นธุรกิจ ที่มักจะเต็มไปด้วยความท้าทาย
การเริ่มต้นธุรกิจอาจเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่หากรู้เท่าทัน 5 ข้อผิดพลาดนี้ และเตรียมพร้อมรับมือ ก็จะช่วยให้ก้าวแรกมั่นคงและมีทิศทางสู่ความสำเร็จได้เสมอ จำไว้ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่มันคือบทเรียนอันล้ำค่าที่จะผลักดันให้แข็งแกร่งและเติบโตขึ้นไปอีกขั้น
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับ Smart Startup ได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand