
เคยสงสัยไหมว่าไอเดียธุรกิจที่กำลังปั้นอยู่…มันจะไปรอดจริงๆ หรือแค่กำลังฝันกลางวัน การเริ่มต้นธุรกิจใหม่นั้นน่าตื่นเต้นและเต็มไปด้วยความหวัง แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง การเดินทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป มีหลายครั้งที่ความฝันและความมุ่งมั่นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ การรู้ว่าเมื่อไหร่ควร ‘ไปต่อ’ และเมื่อไหร่ควร ‘พอแค่นี้’ คือทักษะสำคัญที่เจ้าของธุรกิจทุกคนต้องมี เพื่อไม่ให้เสียเวลาและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
การหลงทางอยู่กับไอเดียที่ไม่เวิร์คเปรียบได้กับการลงทุนในบ่อน้ำที่ไม่มีวันมีน้ำเต็มเสียที ไม่ว่าคุณจะทุ่มเทแรงกายแรงใจลงไปเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็ยังคงว่างเปล่า ดังนั้นการเข้าใจสัญญาณเตือนเหล่านี้จึงช่วยให้ประหยัดทั้งเงิน เวลา และพลังงาน เพื่อนำไปลงทุนกับสิ่งที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า
สัญญาณสำคัญที่บอกว่าไอเดียธุรกิจอาจไม่เวิร์คมีดังนี้
- ไม่มีการตอบรับจากตลาด หรือกลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจน ธุรกิจที่ดีต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของใครบางคนได้ หากพยายามโปรโมทสินค้าหรือบริการออกไปแล้ว แต่กลับไม่มีลูกค้าให้ความสนใจ ไม่มีการสอบถามเข้ามา หรือยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ อาจเป็นสัญญาณว่าไอเดียของคุณยังไม่ ‘โดน’ ตลาด หรืออาจจะยังไม่ได้เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าใครคือลูกค้าของคุณ พวกเขามีปัญหาอะไร และไอเดียของคุณสามารถช่วยแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร หากยังไม่สามารถระบุกลุ่มคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน นั่นแปลว่ากำลังยิงปืนในความมืด และมีแนวโน้มที่จะพลาดเป้าสูงมาก
- โมเดลธุรกิจไม่ยั่งยืนทางการเงิน บางครั้งไอเดียอาจจะดี มีคนสนใจ แต่หากเมื่อนำมาคิดคำนวณต้นทุน กำไร และกระแสเงินสดแล้วพบว่าไม่สามารถสร้างรายได้ที่มากพอจะหล่อเลี้ยงธุรกิจได้ หรือมีต้นทุนการผลิตหรือการดำเนินงานที่สูงเกินไปจนไม่คุ้มค่ากับการลงทุน นี่คือสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง ธุรกิจต้องสร้างรายได้และมีกำไรเพื่อความอยู่รอด หากไม่สามารถกำหนดราคาขายที่เหมาะสมกับคุณค่าและต้นทุนได้ หรือมองไม่เห็นช่องทางในการทำกำไรที่ชัดเจน การเดินหน้าต่อไปอาจหมายถึงการขาดทุนสะสมไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่แบกรับไม่ไหว
- ความหลงใหลและพลังงานเริ่มลดลง พลังงานและความหลงใหลในสิ่งที่ทำคือเชื้อเพลิงสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจ แต่หากเริ่มรู้สึกเหนื่อยหน่ายตลอดเวลา ไม่กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้หรือพัฒนาต่อยอด รู้สึกว่าการทำงานเป็นภาระ หรือเริ่มสงสัยในความสามารถของตัวเองที่จะทำให้ไอเดียนี้สำเร็จ นั่นอาจเป็นสัญญาณจากภายในว่านี่ไม่ใช่ทางของคุณอีกต่อไป การฝืนทำสิ่งที่ไม่ได้รักหรือไม่มีความสุขนอกจากจะบั่นทอนกำลังใจแล้ว ยังทำให้ไม่สามารถทุ่มเทได้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์ของธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
มีเรื่องราวของ “คุณกิ๊ฟ” ที่มีความฝันอยากเปิดร้านเบเกอรี่สุขภาพที่เน้นวัตถุดิบออร์แกนิกและไร้น้ำตาลทุกชนิด เธอทุ่มเทเรียนสูตร ลงทุนซื้ออุปกรณ์ เปิดร้านออนไลน์ ทำการตลาดอย่างหนัก แต่กลับพบว่ากลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพขนาดนั้นมีจำนวนน้อยมาก และต้นทุนวัตถุดิบออร์แกนิกก็สูงลิบลิ่ว ทำให้ไม่สามารถตั้งราคาที่แข่งขันได้และทำกำไรได้น้อยมาก แม้จะมีความสุขกับการทำขนม แต่เมื่อต้องเผชิญกับยอดขายที่ซบเซาและรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอก็เริ่มหมดกำลังใจ จนในที่สุดก็ตัดสินใจปิดร้านไปในที่สุด คุณกิ๊ฟเรียนรู้ว่าไอเดียที่ดีต้องมีตลาดที่กว้างพอและมีโมเดลธุรกิจที่ทำกำไรได้จริง
การรู้จักประเมินสถานการณ์และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าจะเดินหน้าหรือถอยออกมา ไม่ใช่เรื่องของความล้มเหลว แต่คือความฉลาดเฉลียวในการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีค่าที่สุด นั่นคือ ‘เวลา’ และ ‘พลังงาน’ การตัดสินใจ ‘พอแค่นี้’ กับไอเดียที่ไม่เวิร์ค เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้ ปรับปรุง และเริ่มต้นใหม่ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าเดิม เพื่อไอเดียที่ใช่และโอกาสที่สำเร็จในครั้งต่อไป
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับ Smart Startup ได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand