งบหลักพันก็เริ่มได้: วิธีสร้าง ‘Minimum Viable Product (MVP)’ เพื่อทดลองตลาดแบบไม่เจ็บตัว

การเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนการสร้างบ้าน ไม่ต้องถึงขนาดต้องสร้างปราสาทโอ่อ่าเพื่อทดสอบว่าจะอยู่สบายไหม แต่เป็นการเริ่มต้นจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงพอจะอยู่อาศัยได้จริงเสียก่อน นั่นคือแนวคิดของ ‘Minimum Viable Product’ หรือ ‘MVP’ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสำหรับผู้ที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่มีงบประมาณจำกัดและอยากเริ่มต้นแบบไม่เจ็บตัว

หลายครั้งการเริ่มต้นธุรกิจมักถูกมองว่าต้องใช้เงินมหาศาล ต้องมีแผนธุรกิจหนาปึก ต้องเช่าหน้าร้าน ต้องลงทุนสต็อกสินค้าจำนวนมาก ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความเสี่ยงก้อนโตที่ทำให้หลายคนได้แต่เก็บความฝันไว้ในลิ้นชัก ทั้งที่ความจริงแล้วการเริ่มต้นธุรกิจไม่ได้จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ถึงขนาดนั้น เพราะการลงทุนที่เยอะในครั้งแรกโดยที่ยังไม่มีการทดลองตลาดเลย จะมีความเสี่ยงสูงมากที่ธุรกิจจะล้มเหลวและหมดตัวไปก่อนที่จะได้เรียนรู้อะไรด้วยซ้ำ

นี่จึงเป็นที่มาของแนวคิด MVP ที่เป็นเครื่องมือทรงพลังสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ ช่วยให้สามารถทดสอบไอเดียธุรกิจได้ในวงเงินที่น้อยที่สุด โดยการสร้างสินค้าหรือบริการที่มีคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียว เพื่อนำออกไปให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ทดลองใช้จริง ได้รับฟังความคิดเห็นโดยตรง และนำข้อมูลเหล่านั้นกลับมาปรับปรุงพัฒนาสินค้าหรือบริการให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ การทำ MVP เป็นการมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้และลดความเสี่ยง ไม่ใช่การทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ต้น

การสร้าง MVP ไม่ได้มีแค่ช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าเท่านั้น แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและพลังงาน เพราะจะทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าไอเดียที่คิดไว้นั้นตอบโจทย์ตลาดจริงไหม ลูกค้าต้องการอะไร และอะไรคือสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สามารถปรับทิศทางของธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องทุ่มเทไปกับสิ่งที่ตลาดไม่ต้องการ และเมื่อรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการจริงๆ การลงทุนในขั้นต่อไปก็จะเป็นไปอย่างมีทิศทางและแม่นยำมากขึ้น

ตัวอย่างผู้ที่ประสบความสำเร็จในการใช้แนวคิด MVP ที่เป็นเรื่องใกล้ตัว คือ การเริ่มต้นธุรกิจอาหารหรือขนมออนไลน์ แทนที่จะลงทุนเช่าร้านและซื้ออุปกรณ์จำนวนมาก ผู้เริ่มต้นธุรกิจหลายรายเลือกที่จะทำขนมเพียงไม่กี่ชนิดในปริมาณน้อยๆ จากครัวที่บ้าน ถ่ายภาพสวยๆ แล้วลงขายผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนตัว หรือกลุ่มตลาดเล็กๆ ก่อน รับพรีออเดอร์ หรือทำในปริมาณที่จำกัด เมื่อลูกค้าเริ่มสั่งและให้ feedback ก็จะนำคำแนะนำเหล่านั้นมาปรับปรุงสูตร เพิ่มเมนู หรือปรับวิธีการจัดส่ง ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เงินลงทุนหลักพันบาทเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าเช่าร้าน ค่าจ้างพนักงาน หรือสต็อกของที่อาจจะขายไม่ออก และเมื่อได้รับผลตอบรับที่ดี มีฐานลูกค้าที่ชัดเจนแล้ว การขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้นก็จะเป็นไปอย่างมั่นคงและมีทิศทาง

การเริ่มต้นธุรกิจด้วยแนวคิด MVP จึงเป็นการลดความกลัวในการล้มเหลวลงอย่างมาก เพราะเป็นการลงทุนที่น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ได้เรียนรู้และพิสูจน์ไอเดียของตัวเองในตลาดจริง หากไอเดียนั้นไม่เวิร์กก็สามารถ pivot หรือเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่เสียหายมากนัก และหากไอเดียนั้นมีศักยภาพ ก็จะสามารถต่อยอดให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน การเริ่มต้นธุรกิจในวันนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้พร้อมทุกอย่าง แค่เริ่มต้นให้ถูกวิธีด้วยงบประมาณที่ควบคุมได้ ก็สามารถสร้างก้าวแรกสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจในฝันได้แล้ว

สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับ Smart Startup ได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand