
การเริ่มต้นธุรกิจก็เหมือนการออกเดินทางในทะเลกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส คุณคงไม่อยากล่องเรือโดยไม่มีเข็มทิศบอกทิศทางใช่ไหม การทำธุรกิจก็เช่นกัน การไม่รู้ทิศทางทางการเงิน ไม่ได้ดูตัวเลขสำคัญ ก็เหมือนการล่องเรืออย่างไร้จุดหมาย เสี่ยงต่อการไปไม่ถึงฝั่งฝันอย่างน่าเสียดาย ในฐานะที่ปรึกษาที่เห็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่มามากมาย สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำ แม่บ้าน หรือใครก็ตามที่อยากมีกิจการของตัวเอง คือการทำความเข้าใจและติดตาม “เข็มทิศทางการเงิน” เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ
ตัวชี้วัดทางการเงินไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่สำหรับนักบัญชีเท่านั้น แต่คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้คุณมองเห็น “สุขภาพ” ของธุรกิจ และตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าควรปรับแก้หรือเดินหน้าไปในทิศทางใด มี 3 ตัวชี้วัดหลักที่เจ้าของธุรกิจควรให้ความสำคัญและตรวจสอบอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
1. กระแสเงินสด (Cash Flow)
กระแสเงินสดคือหัวใจและลมหายใจของธุรกิจ เปรียบได้กับเลือดที่ไหลเวียนในร่างกาย มันคือการเคลื่อนไหวของเงินสดที่เข้าและออกจากธุรกิจของคุณในแต่ละวัน ในแต่ละสัปดาห์ หรือในแต่ละเดือน หากธุรกิจมีกระแสเงินสดติดลบหรือไม่เพียงพอ หมายความว่ามีเงินสดไหลออกมากกว่าไหลเข้า ถึงแม้ธุรกิจของคุณจะมียอดขายดี มีกำไรในกระดาษ แต่ถ้าไม่มีเงินสดหมุนเวียน ก็อาจประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง จ่ายค่าใช้จ่ายไม่ทัน และอาจถึงขั้นต้องปิดกิจการได้
เคยมีร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ยอดขายดีมาก ลูกค้าประจำเยอะ แต่เจ้าของร้านไม่ได้ดูเรื่องกระแสเงินสดเลย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าองค์กรที่จ่ายเงินเป็นรอบบิลทุก 30-45 วัน ในขณะที่ค่าวัตถุดิบและค่าแรงต้องจ่ายทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทำให้ร้านมีปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียนอย่างหนัก ท้ายที่สุดแม้จะมีกำไรจากการดำเนินงาน แต่กลับไม่มีเงินสดสำรองพอสำหรับใช้จ่ายในแต่ละวัน จนต้องกู้เงินมาพยุงกิจการและปิดตัวไปในที่สุด เพราะขาดการบริหารกระแสเงินสดอย่างจริงจัง
2. กำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin)
กำไรขั้นต้นคือตัวชี้วัดประสิทธิภาพในการทำกำไรจากสินค้าหรือบริการของคุณโดยตรง ก่อนที่จะนำค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการอื่นๆ มาหัก การคำนวณกำไรขั้นต้นจะทำให้คุณรู้ว่าสินค้าแต่ละชิ้น หรือบริการแต่ละอย่างที่คุณขาย สร้างกำไรให้คุณได้เท่าไหร่หลังจากหักต้นทุนสินค้าหรือบริการนั้นๆ ออกไปแล้ว ถ้ากำไรขั้นต้นต่ำเกินไป อาจหมายความว่าต้นทุนสินค้าหรือบริการของคุณสูงเกินไป หรือคุณตั้งราคาขายต่ำเกินไป ซึ่งจะทำให้คุณเหนื่อยแต่ไม่รวย เพราะแม้จะขายได้มากแค่ไหน ก็แทบไม่มีกำไรเหลือ
ยกตัวอย่างธุรกิจเสื้อผ้าแฟชั่นออนไลน์ที่มียอดขายหลักแสนบาทต่อเดือน แต่ไม่ได้ดูเรื่องกำไรขั้นต้นอย่างละเอียด ทุกครั้งที่จัดโปรโมชั่นลดแลกแจกแถม ลูกค้าก็แห่มาซื้อ แต่เมื่อมานั่งดูตัวเลขจริงจัง กลับพบว่ากำไรขั้นต้นต่ำมาก เพราะต้นทุนค่าผ้า ค่าตัด ค่าส่ง ค่าโฆษณาต่างๆ สูง เมื่อหักค่าใช้จ่ายเหล่านั้นแล้วแทบไม่เหลืออะไรเลย กว่าจะรู้ตัวก็สายไป เพราะไม่ได้วิเคราะห์ความคุ้มค่าของการตั้งราคาและต้นทุนสินค้าอย่างสม่ำเสมอ
3. จุดคุ้มทุน (Break-Even Point)
จุดคุ้มทุนคือยอดขายขั้นต่ำที่คุณต้องทำได้ เพื่อให้ธุรกิจของคุณ “ไม่กำไรและไม่ขาดทุน” การรู้จุดคุ้มทุนมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยให้คุณรู้เป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ในแต่ละเดือน เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดก่อนที่จะเริ่มทำกำไร นอกจากนี้ยังช่วยในการวางแผนการตลาดและการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย หากคุณรู้ว่าต้องขายสินค้ากี่ชิ้น หรือต้องมียอดขายเท่าไหร่ต่อเดือน คุณก็จะสามารถกำหนดกลยุทธ์และประเมินความเป็นไปได้ในการบรรลุเป้าหมายนั้นได้
ลองจินตนาการถึงเจ้าของร้านเบเกอรี่แห่งใหม่ที่เริ่มต้นกิจการ เขาคำนวณจุดคุ้มทุนของร้านได้อย่างแม่นยำ ทำให้รู้ว่าในแต่ละวันต้องขายเค้กและเครื่องดื่มรวมกันให้ได้ยอดเท่าไหร่ เพื่อครอบคลุมค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงพนักงาน และค่าใช้จ่ายคงที่อื่นๆ เมื่อทราบตัวเลขนี้แล้ว เจ้าของร้านก็สามารถวางแผนการตลาด กำหนดเป้าหมายการขายประจำวัน และประเมินโปรโมชั่นได้อย่างมีแบบแผน ทำให้ร้านพ้นจากภาวะขาดทุนได้เร็วกว่าที่คิด และเริ่มทำกำไรได้ภายในเวลาอันสั้น
การเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ได้หมายถึงแค่การมีไอเดียที่ดี หรือความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสามารถในการอ่านและเข้าใจ “ภาษาของตัวเลข” ด้วย การติดตามตัวชี้วัดทางการเงินทั้ง 3 อย่างนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นกระแสเงินสด กำไรขั้นต้น และจุดคุ้มทุน คือเข็มทิศที่แท้จริงที่จะนำทางให้ธุรกิจของคุณไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ต้องคาดเดา ไม่ต้องสับสน และนำพาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับเราได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand