
มีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่เคยรู้สึกกังวลไหมว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือทำอย่างไรให้ธุรกิจอยู่รอด โดยเฉพาะเรื่องของเงินๆ ทองๆ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องซับซ้อนสำหรับหลายคน ในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับการให้คำปรึกษาเจ้าของธุรกิจใหม่จำนวนมาก พบว่าความผิดพลาดทางการเงินบางอย่างมักเกิดขึ้นซ้ำๆ ซึ่งสามารถหลีกเลี่ยงได้หากรู้เท่าทันและเตรียมพร้อม การทำความเข้าใจข้อผิดพลาดเหล่านี้เปรียบเสมือนการมีแผนที่นำทาง เพื่อให้การก้าวแรกบนเส้นทางธุรกิจมั่นคง ไม่สะดุด และมีทิศทางสู่ความสำเร็จ
ต่อไปนี้คือ 5 ข้อผิดพลาดทางการเงินที่เจ้าของธุรกิจใหม่มักพบเจอ และแนวทางป้องกัน
1. ไม่แยกเงินส่วนตัวกับเงินธุรกิจออกจากกัน
นี่คือความผิดพลาดอันดับต้นๆ ที่พบได้บ่อยมากในหมู่เจ้าของธุรกิจใหม่ การนำเงินส่วนตัวไปปะปนกับเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการนำเงินธุรกิจมาใช้จ่ายส่วนตัว หรือเอาเงินส่วนตัวไปโปะค่าใช้จ่ายธุรกิจแบบไม่บันทึก ทำให้สถานะทางการเงินของกิจการไม่ชัดเจน ไม่สามารถประเมินผลกำไรขาดทุนที่แท้จริงได้ ทำให้การตัดสินใจทางธุรกิจผิดพลาดตามไปด้วย
มีเจ้าของร้านเบเกอรี่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่เปิดกิจการด้วยใจรัก กำไรก็พอมีให้เห็น แต่เมื่อต้องจ่ายค่าวัตถุดิบ หรือค่าเช่าร้าน กลับต้องใช้เงินส่วนตัวมาเสริมอยู่เสมอเพราะไม่รู้ว่าเงินที่อยู่ในบัญชีธุรกิจจริงๆ แล้วคือเงินทุนหรือกำไรที่ถอนไปแล้ว บางครั้งเงินค่าเช่าคอนโดของตัวเองก็เอามาจากเงินขายขนมที่รวมอยู่ในบัญชีเดียวกัน ทำให้เมื่อถึงเวลาปิดงบจึงสับสนและไม่รู้ว่ากิจการไปในทิศทางไหนกันแน่ การแยกบัญชีธนาคารสำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ รวมถึงบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียดจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมที่ชัดเจนและป้องกันการใช้จ่ายที่เกินตัว นี่คือรากฐานสำคัญของสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรงของธุรกิจ
2. ไม่มีเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับธุรกิจ
หลายคนให้ความสำคัญกับการลงทุนเริ่มต้นธุรกิจ แต่กลับมองข้ามการเตรียมเงินสำรองฉุกเฉินไว้สำหรับกิจการ ซึ่งเปรียบเสมือนตาข่ายนิรภัยเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่คาดฝัน ธุรกิจย่อมมีช่วงขึ้นและลง ช่วงที่ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า หรือมีค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น หากไม่มีเงินสำรอง ธุรกิจอาจต้องหยุดชะงัก หรือเลวร้ายที่สุดคือต้องปิดตัวลงไป
ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ หรือช่วงที่ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ เช่น ธุรกิจขนาดเล็กหลายแห่งต้องหยุดกิจการชั่วคราวจากสถานการณ์โรคระบาด หากไม่มีเงินสำรองที่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ เช่น ค่าเช่าพนักงาน ค่าสาธารณูปโภค ก็จะไม่สามารถประคองธุรกิจให้อยู่รอดได้ ดังนั้นการจัดสรรเงินสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายดำเนินงานอย่างน้อย 3-6 เดือนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ช่วยให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและรับมือกับความผันผวนได้ดีขึ้น
3. ตั้งราคาไม่ถูกต้อง
การตั้งราคาผลิตภัณฑ์หรือบริการเป็นจุดที่เจ้าของธุรกิจใหม่มักทำผิดพลาด บางรายตั้งราคาต่ำเกินไปเพราะกลัวสู้คู่แข่งไม่ได้ หรือไม่เข้าใจต้นทุนที่แท้จริง อีกบางรายตั้งราคาสูงเกินไปเพราะคิดว่าสินค้าตัวเองดีที่สุด แต่ไม่ได้พิจารณาถึงกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย การตั้งราคาที่ผิดพลาดส่งผลโดยตรงต่อความสามารถในการทำกำไรและยอดขายของธุรกิจ
เคยมีเจ้าของร้านอาหารเล็กๆ ที่พยายามตั้งราคาอาหารให้ถูกที่สุดเพื่อดึงดูดลูกค้า แต่กลับลืมคำนวณต้นทุนแฝง เช่น ค่าเช่าร้าน ค่าแรง ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า อย่างครบถ้วน ทำให้แม้จะขายดี มีลูกค้าแน่นร้านทุกวัน แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้วกลับพบว่าแทบไม่มีกำไรเหลือ สุดท้ายก็ต้องปรับราคาขึ้น หรือไม่ก็ต้องปิดกิจการไป การทำความเข้าใจโครงสร้างต้นทุนทั้งหมด รวมถึงวิเคราะห์คู่แข่งและกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด จะช่วยให้ตั้งราคาที่เหมาะสมและสร้างกำไรได้อย่างยั่งยืน
4. มองข้ามเรื่องกระแสเงินสด (Cash Flow)
เจ้าของธุรกิจใหม่หลายคนมักมุ่งเน้นแต่เรื่องกำไรขาดทุนในงบการเงิน แต่ละเลยกระแสเงินสด การมีกำไรในกระดาษไม่ได้หมายความว่าจะมีเงินสดเพียงพอสำหรับการดำเนินงานเสมอไป ธุรกิจอาจมีกำไร แต่หากเงินสดหมุนเวียนไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าวัตถุดิบ หรือค่าเช่า ก็อาจทำให้ธุรกิจประสบปัญหาถึงขั้นล้มละลายได้
เคยมีบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่ได้รับงานใหญ่มากๆ และมีกำไรสูง แต่กระบวนการเบิกจ่ายเงินจากลูกค้าใช้เวลานาน ทำให้ไม่มีเงินสดเพียงพอที่จะจ่ายเงินเดือนลูกน้อง ซื้อวัสดุ หรือค่าเดินทางไปหน้างาน จนต้องกู้ยืมเงินระยะสั้นมาหมุนเวียน ทั้งๆ ที่มีกำไรมหาศาลรออยู่ข้างหน้า การบริหารจัดการกระแสเงินสดให้มีสภาพคล่องอยู่เสมอ ด้วยการติดตามรายรับรายจ่าย วางแผนการเก็บเงินจากลูกหนี้ และบริหารเจ้าหนี้ให้ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
5. ไม่ยอมลงทุนในการพัฒนาตัวเองและธุรกิจ
ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การหยุดอยู่กับที่คือการก้าวถอยหลัง เจ้าของธุรกิจใหม่บางคนมักจะมุ่งเน้นแต่การลดต้นทุนและทำกำไรในระยะสั้น แต่กลับไม่ยอมจัดสรรงบประมาณเพื่อการเรียนรู้ พัฒนาทักษะใหม่ๆ หรือลงทุนในนวัตกรรมของธุรกิจ เช่น การตลาดออนไลน์ใหม่ๆ การปรับปรุงสินค้าให้ทันสมัย หรือการอบรมพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจล้าหลังและไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ในระยะยาว
มีเจ้าของร้านค้าปลีกเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ประสบความสำเร็จในยุคแรกๆ แต่ไม่ยอมเรียนรู้เกี่ยวกับการทำการตลาดออนไลน์ หรือการสร้างแบรนด์บนโซเชียลมีเดีย ยังคงพึ่งพาร้านค้าหน้าร้านเป็นหลัก ทำให้เมื่อคู่แข่งปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล ร้านนี้ก็เริ่มมียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง การลงทุนในความรู้ การพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการศึกษาช่องทางการตลาดใหม่ๆ จึงเป็นการลงทุนที่สำคัญไม่แพ้การซื้อเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆ และเป็นสิ่งที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว
การเริ่มต้นธุรกิจอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่หากมีความเข้าใจในหลักการทางการเงินพื้นฐาน และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยเหล่านี้ ก็จะช่วยให้การเดินทางบนเส้นทางผู้ประกอบการของคุณมั่นคงและมีทิศทางสู่ความสำเร็จได้ไม่ยาก ขอเพียงคุณมีความตั้งใจและพร้อมที่จะเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับเราได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand