
มีความฝันอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองไหม? หลายคนมีความมุ่งมั่น มีกำลังใจพร้อมจะลุย แต่กลับติดอยู่ที่คำถามสำคัญที่สุดคำหนึ่ง นั่นคือ “จะขายอะไรดี” หรือ “จะเริ่มต้นทำธุรกิจแบบไหน” ความรู้สึกสับสนนี้เป็นเรื่องปกติที่ผู้ประกอบการมือใหม่ทุกคนต้องเจอ จุดเริ่มต้นที่มั่นคงและมีทิศทางสู่ความสำเร็จ มักไม่ได้มาจากไอเดียที่ยิ่งใหญ่เสมอไป แต่มาจากการรู้จักตัวเองและการมองเห็นคุณค่าที่จะมอบให้ผู้อื่นได้ การหาไอเดียธุรกิจไม่ใช่การมองหาสินค้าหรือบริการที่แปลกใหม่เสมอไป แต่เป็นการค้นพบสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการหรือแก้ปัญหาให้ผู้คนได้จริง
การหาไอเดียธุรกิจเหมือนกับการค้นหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ภายใน การสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้เห็นศักยภาพที่มองข้ามไป ผู้ประกอบการหลายคนเริ่มต้นจากความชอบส่วนตัว หรือจากปัญหาเล็กๆ ที่เห็นในชีวิตประจำวัน จนสามารถปั้นธุรกิจให้เติบโตได้ การตอบคำถามที่ถูกต้องจะช่วยเปิดมุมมองและเชื่อมโยงสิ่งที่ทำได้ดีเข้ากับโอกาสในตลาด
ลองตอบ 5 คำถามต่อไปนี้อย่างซื่อสัตย์กับตัวเอง ไอเดียธุรกิจที่ใช่จะค่อยๆ ปรากฏขึ้น
- อะไรคือสิ่งที่ทำแล้วสนุก มีความสุข และทำได้ดีเป็นพิเศษ
- นี่คือการสำรวจ Passion และ Skillset ที่แท้จริง หลายครั้งไอเดียธุรกิจที่ดีที่สุดมาจากสิ่งที่ทำแล้วไม่รู้สึกเหมือนกำลังทำงาน อย่างการทำขนม การจัดสวน การให้คำแนะนำด้านการเงิน หรือแม้แต่การจัดระเบียบข้าวของให้คนอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะที่สามารถพัฒนาเป็นบริการหรือสินค้าได้
- มีปัญหาอะไรที่เห็นคนรอบข้างบ่นบ่อยๆ หรือกำลังมองหาทางแก้
- การทำธุรกิจคือการแก้ปัญหา การสังเกตปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นกับเพื่อน ครอบครัว หรือแม้แต่ตัวเองเป็นแหล่งรวมไอเดียชั้นดี ปัญหาเหล่านั้นอาจเป็นการหาอาหารเพื่อสุขภาพที่อร่อย การจัดการเอกสารที่ยุ่งเหยิง หรือการดูแลสัตว์เลี้ยงในยามไม่อยู่บ้าน การมองเห็นและแก้ปัญหาจะสร้างคุณค่าให้ธุรกิจ
- เมื่อมีเวลาว่าง มักจะใช้เวลาไปกับการเรียนรู้หรือทำอะไร
- งานอดิเรกและความสนใจส่วนตัวเป็นขุมทรัพย์ที่ไม่ควรมองข้าม การอ่านหนังสือ การฟัง Podcast เกี่ยวกับหัวข้อเฉพาะ การเข้าร่วมเวิร์คช็อป หรือแม้แต่การดูแลสุขภาพตัวเอง สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ใช้เวลาไปกับมันอย่างมีความสุขและเต็มใจ บ่อยครั้งความรู้หรือทักษะที่ได้มาจากการทำกิจกรรมยามว่างนี่เองที่สามารถต่อยอดเป็นธุรกิจได้
- ประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา มีทักษะหรือความรู้เฉพาะด้านอะไรที่สั่งสมมาบ้าง
- ความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานประจำ ไม่ว่าจะเป็นงานบัญชี การตลาด การบริหารจัดการ การออกแบบ หรือแม้แต่การให้บริการลูกค้า ล้วนเป็นต้นทุนที่สำคัญ ทักษะเหล่านี้สามารถนำมาปรับใช้หรือผันตัวมาเป็นที่ปรึกษา รับจ้าง หรือเปิดสอน เพื่อช่วยเหลือคนอื่นที่ไม่มีความรู้ด้านนั้นๆ ได้
- มองไปรอบตัว เห็นอะไรที่ยังไม่มี หรือมีแต่ยังไม่ดีพอในตลาด
- การสำรวจช่องว่างในตลาดเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่สำคัญ ลองมองดูสินค้าหรือบริการที่มีอยู่แล้ว และคิดดูว่าสามารถทำให้ดีขึ้น สะดวกขึ้น ราคาเข้าถึงง่ายขึ้น หรือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้อย่างไร ไอเดียอาจมาจากการเพิ่มบริการเสริม การปรับปรุงคุณภาพ หรือการนำเสนอในรูปแบบใหม่ทั้งหมด
ตัวอย่างของการค้นพบไอเดียจากคำถามเหล่านี้มีให้เห็นมากมาย บางคนรักการทำขนม จึงใช้เวลาว่างอบขนมให้เพื่อนและครอบครัวชิม พอเริ่มตอบคำถามที่ว่าคนรอบข้างเจอปัญหาเรื่องการหาของขวัญที่ทำด้วยใจ จึงเกิดเป็นไอเดีย “ร้านขนมโฮมเมดสำหรับทุกเทศกาล” หรือบางคนทำงานในวงการไอทีมานาน เห็นว่าผู้สูงอายุยังเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี จึงเกิดเป็น “บริการสอนใช้งานสมาร์ทโฟนสำหรับผู้สูงอายุ” ซึ่งเริ่มต้นจากความรู้ที่สั่งสมมาและช่องว่างในตลาดที่เห็น
การหาไอเดียธุรกิจที่ใช่ ไม่ได้หมายถึงการต้องคิดค้นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่อาจเป็นเพียงการนำเอาความสามารถ ความชอบ หรือประสบการณ์ที่มีอยู่ มาปรับใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนบางกลุ่มอย่างตรงจุด การตอบ 5 คำถามนี้จะช่วยให้ได้เห็นภาพรวมของศักยภาพและโอกาสที่อยู่ตรงหน้า และนี่คือการก้าวแรกที่มั่นคงบนเส้นทางของการเป็นเจ้าของธุรกิจ
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับ Smart Startup ได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand