
มีความฝันอยากมีธุรกิจของตัวเอง มีสินค้าหรือบริการที่เชื่อมั่นว่าจะช่วยผู้คนได้ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ไม่แน่ใจว่าควรโฟกัสที่จุดไหนก่อนในเมื่อทรัพยากรก็มีจำกัดใช่ไหม หลายคนเป็นเช่นนั้น การเริ่มต้นธุรกิจเพียงลำพัง หรือในฐานะ Solopreneur อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย เพราะต้องรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง ตั้งแต่การผลิต การตลาด การขาย ไปจนถึงการเงิน การจะก้าวเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีทิศทางที่ชัดเจน จึงจำเป็นต้องมี “แผนที่” ที่ช่วยนำทางให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ และเทคนิคการตั้งเป้าหมายแบบ OKRs (Objectives and Key Results) คือเครื่องมือทรงพลังที่สามารถตอบโจทย์นี้ได้ ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กเพียงใดก็ตาม
ระบบ OKRs ถูกนำมาใช้โดยบริษัทระดับโลกอย่าง Google และพิสูจน์แล้วว่าช่วยให้องค์กรเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด หลักการพื้นฐานของ OKRs คือการตั้งเป้าหมาย (Objective) ที่ชัดเจนและสร้างแรงบันดาลใจ พร้อมกับกำหนดผลลัพธ์หลัก (Key Results) ที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้รู้ว่ากำลังเดินไปถูกทางและใกล้เป้าหมายแค่ไหน สำหรับเจ้าของธุรกิจคนเดียว OKRs เป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจในระยะสั้นถึงกลาง ทำให้การตัดสินใจมีเหตุผลมากขึ้น และป้องกันการเสียเวลาไปกับกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ การมี OKRs ที่ชัดเจนจะช่วยให้ Solopreneur สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritization) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะไม่มีทีมงานมาคอยช่วยผลักดันก็ตาม
ลองจินตนาการถึงเจ้าของธุรกิจร้านเบเกอรี่ออนไลน์คนหนึ่ง ที่เริ่มต้นจากความชอบในการอบขนมและอยากส่งมอบความสุขผ่านรสชาติอร่อยๆ เพียงลำพัง การทำงานคนเดียวทำให้เวลาและพลังงานเป็นสิ่งล้ำค่า แทนที่จะทำงานไปวันๆ โดยไม่มีทิศทาง ลองตั้ง OKRs ที่ชัดเจนดู
นี่คือตัวอย่างการตั้ง OKRs สำหรับร้านเบเกอรี่ออนไลน์แห่งนี้
- Objective (เป้าหมาย): สร้างการรับรู้แบรนด์และขยายฐานลูกค้าใหม่ให้กว้างขึ้นภายในไตรมาสถัดไป
- Key Results (ผลลัพธ์หลัก):
- KR 1: เพิ่มจำนวนผู้ติดตามบนแพลตฟอร์ม Instagram จาก 1,000 คน เป็น 3,000 คน ภายใน 2 เดือน
- KR 2: มียอดสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า
- KR 3: ได้รับรีวิว 5 ดาวบน Facebook Page หรือ Line Official Account เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50 รีวิว
จากตัวอย่างนี้ จะเห็นว่า Objective นั้นสร้างแรงบันดาลใจและบอกทิศทางที่ต้องการ ส่วน Key Results นั้นเฉพาะเจาะจง สามารถวัดผลได้ และมีกรอบเวลาที่ชัดเจน การมี OKRs เช่นนี้ทำให้เจ้าของร้านเบเกอรี่รู้ว่าในแต่ละสัปดาห์ควรจะทำอะไรบ้าง เช่น โพสต์ Instagram ให้สม่ำเสมอ จัดโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้าใหม่ และขอรีวิวจากลูกค้าที่ประทับใจ การตั้งเป้าหมายในลักษณะนี้จะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจน จับต้องได้ ทำให้ทุกย่างก้าวมีความหมาย
การใช้ OKRs จึงไม่ใช่แค่การตั้งเป้าหมาย แต่เป็นการสร้างวัฒนธรรมของการวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว หรือเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หลักการนี้ก็ยังคงใช้ได้ผลจริง เริ่มต้นได้ง่ายๆ จากการกำหนด Objective ที่ใหญ่และสร้างแรงบันดาลใจ จากนั้นแตกย่อยเป็น Key Results ที่วัดผลได้ และลงมือทำตามแผนที่วางไว้ การมีแผนที่เดินตามจะช่วยให้เส้นทางการเป็นเจ้าของธุรกิจไม่เคว้งคว้าง และนำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนได้
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับ Smart Startup ได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand