11 เหตุผลที่ทำให้ธุรกิจเราติดลบ
ธุรกิจเราสามารถมีช่วงเวลาดีๆและก็ช่วงเวลาแย่ๆได้เช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจัยต่างๆนั้นสามารถมาจากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เรามาดูกันว่า ปัจจัยอะไรเหตุผลอะไรบ้างที่สามารถดึงธุรกิจของเราให้ติดลบได้ เรามาดูเหตุผลทั้ง 11 กัน
- เศรษฐกิจแย่: อันนี้ถ้าแย่ทั้งอุตสาหกรรมหรือแย่ทุกภาคส่วน ทั้งในประเทศหรือทั่วโลกนั้น ก็จะทำอะไรได้ยากเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่กระทบภาพใหญ่ อย่างช่วงเศรษฐกิจถดถอยทุกๆธุรกิจก็จะเจอปัญหาเดียวกัน ผู้บริโภคมีเงินน้อย หรือมีเงินแต่ไม่พร้อมจะใช้ เงินฝืดเคืองก็จะกระทบปัญหาทั้งโลก เมื่อเจอวิกฤติเศรษฐกิจแบบนี้สิ่งที่ทำได้ก็คือการปรับตัวให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ รวมทั้งการลดต้นทุนต่างๆ เปรียบเหมือนกับต้นไม้ที่ต้องสละกิ่งก้านใบเพื่อรักษาต้นให้คงอยู่ไว้เพื่อสภาพเศรษฐกิจกลับมาดีอีกรอบ
- กลยุทธ์แย่: เมื่อมีกลยุทธ์ที่อ่อนแอ่ไม่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน การเลือกกลยุทธ์ เลือกวิธีที่จะสู้กับคู่แข่งผิดที่ผิดทางทำให้ธุรกิจไม่สามารถสู้กับคู่แข่งได้ดีและโดนแย่งลูกค้า โดนแย่งยอดขายไป การปรับกลยุทธ์และวิเคราะห์ธุรกิจใหม่เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อดึงธุรกิจกลับมาสู่การแข่งขันปกติที่สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้ กลยุทธ์ที่แย่นั้นรวมไปถึงการเลือกผสมสินค้า การเลือกจุดขายตำแหน่งการตลาด การเลือกช่องทางการจำหน่าย การเลือกกลุ่มลูกค้า ผสมรวมกันทำให้กลยุทธ์ธุรกิจมันแย่ได้
- สินค้าแย่: แม้ว่าการโฆษณาจะทำให้เราขายสินค้าได้ แต่หากสินค้าไม่ดีจะทำให้ลูกค้าไม่กลับมาซื้ออีกและอาจจะบอกต่อกับลูกค้ารายอื่นหรือคนที่สนใจทำให้เราไม่สามารถเพิ่มรายได้ได้ เมื่อลูกค้าลองซื้อสินค้าไปใช้และพบว่าสินค้าไม่ดีจริง โฆษณาเกินจริง ไม่สามารถแก้ปัญหาของลูกค้าได้จริง ลูกค้าอาจจะยอมเสียเงินทดลองสินค้าเพียงครั้งเดียวและเลือกที่จะไม่ซื้อซ้ำอีกเลย ธุรกิจแบบนี้จะยังอยู่ได้ ตราบที่ยังดึงลูกค้าใหม่เข้ามาได้เรื่อยๆเพราะยังมียอดขายเข้ามาตลอดแต่เมื่อไรก็ตามที่ไม่สามารถหาลูกค้าใหม่เข้ามาได้ สินค้าแย่ๆจะทำให้ธุรกิจนั้นแย่อย่างไม่ต้องสงสัย
- แบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก: สินค้าที่ดีคือสินค้าที่มีแบรนด์ที่แข็งแรง การมีแบรนด์ที่แข็งแรงจะช่วยให้ลูกค้าหรือกลุ่มผู้บริโภคนั้นนึกถึงเราได้เป็นอันดับแรกๆเมื่อต้องการซื้อสินค้านั้นๆ การที่ไม่มีแบรนด์และไม่ได้เข้าไปอยู่ในจิตใจของลูกค้านั้นจะต้องทำการตลาดและโฆษณาอย่างหนัก ณ จุดที่ลูกค้าต้องการซื้อสินค้าเพื่อให้เกิดการตัดสินใจ วิธีนี้ได้ผลดีและนิยมใช้กันอยู่มาก แต่ข้อเสียก็คือจำเป็นต้องเสียเงินโฆษณามากและอาจจะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคู่แข่งก็จำเป็นต้องใช้วิธีเดียวกันเพื่อแย่งยอดขาย
- การตลาดแย่: การทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่แย่ก็ทำให้ยอดขายของธุรกิจย่ำแย่ได้เหมือนกันแม้จะมีธุรกิจดี มีสินค้าที่ดี เช่นว่า การเลือกช่องทางการโฆษณา ไม่ว่าบน Facebook, Instagram, Google, Youtube หรือ Social Network อื่นๆที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมาย คำเขียนโฆษณาไม่ดึงดูดให้คนสนใจ เลือกเครื่องมือโฆษณาผิดแบบ เลือกกลุ่มเป้าหมายในการเห็นโฆษณาที่ผิดกลุ่มเป้าหมาย และอื่นๆอีกมากมายที่จะทำให้การตลาดเราเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผิดกลุ่มหรือเข้าไม่ถึงเลยและท้ายสุดก็จะส่งผลต่อรายได้ที่ลดลงอย่างไม่ต้องสงสัย
- การจัดการภายในแย่: การจัดการภายในที่แย่ การไม่มีระบบต่างๆไว้รองรับความต้องการลูกค้า การจัดส่งสินค้าผิดประเภท ผิดแบบ การจัดส่งสินค้าช้า การไม่ได้อัพเดทข้อมูลต่างๆบน marketplace หรือบน Website, Social Network ต่างๆ หรือแม้แต่การจัดการสต๊อคสินค้าที่มีหรือหมด ทำให้ลูกค้าเมื่อสั่งสินค้าไปแต่กลับไม่ได้สินค้าที่ตัวเองต้องการ หรือแม้แต่การใช้ระบบ CRM ต่างๆที่ใช้ยากแม้แต่พนักงานเองก็ยังรู้สึกสับสน ทำให้เกิดปัญหาการทำงานขึ้นมาอีกเยอะ และเหตุผลนี้ยังเป็นเหตุผลสำคัญสำหรับ SME / Startup อีกหลายรายที่แม้จะทำยอดขายได้ดี แต่กลับมาตายน้ำตื้นด้วยการจัดการระบบหลังบ้านและทำให้ต้องเลิกธุรกิจได้
- ละเลยความต้องการผู้บริโภค: สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องสำคัญคือความต้องการของผู้บริโภคที่มักจะเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในยุคดิจิตอลที่ความต้องการนั้นถูกกระตุ้นและเปลี่ยนแปลงได้เร็ว ทั้งจากตัวลูกค้าเอง และจากสื่อต่างๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความต้องการอยู่ตลอด การเข้าใจการเปลี่ยนแปลงและรับรู้แนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงตลอดทำให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หลายธุรกิจยังละเลยความต้องการของผู้บริโภคด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการที่ไม่มีความต้องการแม้มันจะเป็นสินคาที่ดีขนาดไหนแต่ในเมื่อตลาดไม่ต้องการผู้บริโภคไม่ต้องการ สินค้าและธุรกิจนั้นย่อมไม่ได้รับการตอบรับที่ดีและมียอดขายที่น้อย ดังนั้นสิ่งสำคัญก็คือการที่เราต้องฟังและนำเสนอสิ่งที่ลูกค้าต้องการจะทำให้ธุรกิจของเราขายได้ดีกว่าและตอบโจทย์ลูกค้ากว่า
- ไม่ปรับตัว: แม้ว่าหลายธุรกิจจะผ่านร้อนหนาวมาหลายสิบปีหรือบางธุรกิจอาจจะเป็นร้อยๆปี แต่ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าสิ่งที่เคยทำสำเร็จมาในหลายสิบหลายร้อยปีก่อนจะยังทำได้สำเร็จในยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกนาที ช่องทางใหม่ๆ สินค้าและบริการใหม่ๆ รวมถึงคู่แข่งใหม่ๆที่พร้อมเข้าสู่สนามแข่งขันได้มากขึ้นแต่ก่อนเป็นอย่างมาก การปรับตัวจึงจำเป็นต้องปรับตัวไปในทุกๆด้านเช่น การเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ Social Network ใหม่ๆ การเพิ่มไลน์สินค้าที่มีความนิยมมากขึ้น รวมถึงการปรับตัวการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆขึ้นมาเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคได้
- ไม่ติดตามคู่แข่ง: การไม่ติดตามคู่แข่งก็เหมือนกับการที่เราชกมวยแล้วปิดตาไว้ ในขณะที่คู่แข่งคือคู่ต่อสู้ที่พร้อมจะเอาชนะและสร้างความได้เปรียบกับเราตลอด การที่เราไม่สนใจและไม่ติดตามคู่แข่งทำให้เราไม่รู้การเคลื่อนไหวในตลาดได้ เป็นไปได้ว่าอยู่ดีๆบางทียอดขายเราก็หายไปดื้อๆ ไม่ใช่เพราะสินค้าเราไม่ดี หรือทำตลาดอะไรไม่ดี อาจจะเพียงเพราะแค่ว่าคู่แข่งทำอะไรบางอย่างที่ดึงลูกค้าของเราออกไป อาจจะนำเสนอโปรโมชั่นที่มากขึ้น อาจจะใช้กลยุทธ์ใหม่ๆในการดึงลูกค้าไป ดังนั้นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องทำคือสอดส่องดูคู่แข่งเอาทั้งลูกค้าและคู่แข่งให้อยู่ในเรดาร์ของการทำธุรกิจของเราให้มากที่สุด เพราะการที่คู่แข่งขยับตัวหนึ่งครั้ง อาจส่งผลทางธุรกิจของเรามากกว่าที่เราคิด
- บริการหลังการขายแย่: สินค้าที่ดีอาจจะต้องรวมถึงบริการหลังการขายที่ดีด้วยเช่นกัน เมื่อสินค้าที่ซื้อไปแล้วเกิดปัญหา การเข้ารับบริการหลังการขายหากได้รับบริการที่ไม่ดีหรือไม่มีบริการหลังการขายอาจทำให้ส่งผลกระทบต่อการซื้อซ้ำในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน เพราะในเมื่อสินค้าที่ซื้อไปเน้นแต่การขายและไม่สามารถซ่อมหรือให้บริการใดๆหลังเป็นลูกค้ากันไปแล้วจะทำให้เกิดความลังเลที่จะซื้อซ้ำ เพราะความกลัวที่จะไม่ได้รับบริการดูแลหลังการขายดีๆ ดังนั้นการมีบริการหลังการขายดีๆจำเป็นมากๆโดยเฉพาะเมื่อต้องการรักษาฐานลูกค้าเดิมไว้ให้นานที่สุด
- อาศัยแต่การทำโฆษณา: การทำโฆษณาเพื่อดึงลูกค้ามาเข้าร้าน มาซื้อของเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่การอาศัยการโฆษณาไม่ว่าจะบน social network เช่น Facebook, Instagram, Twitter, Youtube, Google เท่านั้นเพื่อเพิ่มยอดขายอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีเท่าไร เพราะเมื่อไรที่เราหยุดโฆษณายอดขายจะหายเมื่อเพิ่มเงินเข้าไปก็จะได้ยอดขายมากขึ้น การทำแบบนี้จะช่วยให้ดีในระยะสั้นๆเท่านั้นเพราะในระยะยาวเมื่อคู่แข่งรู้วิธีการโฆษณาเหมือนกันก็จะทำให้ทำโฆษณาแบบเดียวกันกับเรา ขายสินค้าแบบเดียวกับเราได้และทำให้เราต้องเพิ่มงบโฆษณา ต้องใช้สัดส่วนการโฆษณาที่มากขึ้น ทางที่ดีและทางออกง่ายๆสำหรับปัญหานี้คือการที่เราสร้างแบรนด์ให้คนรับรู้และรู้จักเรา สร้างประโยชน์ต่างๆผ่าน Content ต่างๆในรูปแบบบทความ คลิปให้ความรู้ คลิปโฆษณา หรือการสร้างแบรนด์ในรูปแบบต่างๆที่เน้นความยั่งยืนยาวๆมากกว่าการอาศัยโฆษณาเพียงอย่างเดียว
มาถึงตรงนี้กันแล้ว ได้ลองสำรวจธุรกิจตัวเองกันบ้างหรือยังครับว่าธุรกิจเรามีข้อผิดพลาดอะไร มีอะไรทีเ่กิดขึ้นที่เราอาจละเลยไปทำให้ยอดขายของธุรกิจเราดิ่งลงทุกวันๆ ลองศึกษาข้อผิดพลาดต่างๆและค่อยๆแก้ไขไปแล้วธุรกิจเราจะสามารถกลับมาได้ดีเป็นอย่างเดิมอีก
———————————————————————–
You must be logged in to post a comment.