
คุณมีความฝันอยากมีธุรกิจของตัวเอง มีไอเดียที่อยากปั้นให้เป็นจริง แต่ไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไรกับการจัดการทีมงาน หรือการแบ่งสรรงานให้ครบวงจรใช่ไหม? การตัดสินใจเลือกระหว่างการจ้างภายนอก หรือที่เรียกกันว่า Outsourcing กับการจ้างพนักงานประจำ หรือ Hiring นับเป็นก้าวสำคัญที่ส่งผลต่ออนาคตของธุรกิจอย่างมาก ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว แต่มีหลักการให้พิจารณาเพื่อเลือกเส้นทางที่เหมาะกับบริบทของกิจการมากที่สุด
การเลือกโมเดลการทำงานที่ถูกต้องตั้งแต่แรก เริ่มต้นจากความเข้าใจในธรรมชาติของธุรกิจตัวเอง การใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และการวางแผนที่ยืดหยุ่นเพื่อรองรับการเติบโต การรู้จักจุดแข็งจุดอ่อนของแต่ละวิธี จะช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ
Outsourcing: เมื่อไหร่ที่ควรเลือกใช้บริการจากภายนอก
Outsourcing คือการมอบหมายงานบางส่วนที่ไม่ใช่แกนหลักของธุรกิจ ให้กับผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทภายนอก ซึ่งเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Startup ที่เพิ่งเริ่มต้น เพราะช่วยให้เข้าถึงทักษะเฉพาะทางได้ง่ายโดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว
ข้อดีของการ Outsourcing
- ประหยัดต้นทุน: ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนประจำ สวัสดิการ ค่าอุปกรณ์ หรือค่าเช่าพื้นที่สำนักงานจำนวนมาก จ่ายเฉพาะงานที่ทำเท่านั้น
- เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ: สามารถจ้างผู้มีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในด้านที่ธุรกิจยังไม่มี เช่น นักการตลาดดิจิทัล กราฟิกดีไซเนอร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ หรือนักบัญชี โดยไม่จำเป็นต้องจ้างเป็นพนักงานประจำ
- ความยืดหยุ่นสูง: ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของโปรเจกต์ หรือช่วงเวลาที่มีงานมากเป็นพิเศษ
- ลดภาระการบริหารจัดการ: ไม่ต้องเสียเวลาในการสรรหา อบรม หรือดูแลพนักงานจำนวนมาก
ข้อจำกัดของการ Outsourcing
- การควบคุมน้อยลง: การสื่อสารและควบคุมคุณภาพงานอาจไม่ราบรื่นเท่าการมีทีมงานในองค์กร
- ความลับ: มีความเสี่ยงเรื่องข้อมูลความลับทางธุรกิจ หากไม่ได้เลือกพาร์ทเนอร์ที่น่าเชื่อถือ
- ความผูกพัน: ผู้รับจ้างภายนอกอาจไม่ได้มีความผูกพันกับแบรนด์หรือวิสัยทัศน์ของธุรกิจมากเท่าพนักงานประจำ
Outsourcing เหมาะสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น มีงบประมาณจำกัด หรือต้องการทดลองตลาด เพื่อลดความเสี่ยงและเข้าถึงทักษะที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว
Hiring: เมื่อไหร่ที่ควรสร้างทีมภายใน
Hiring คือการจ้างพนักงานประจำเข้ามาทำงานในองค์กร เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมและวัฒนธรรมองค์กร การจ้างพนักงานประจำเหมาะสำหรับงานที่เป็นแกนหลักของธุรกิจ ที่ต้องการความต่อเนื่อง ความผูกพัน และการควบคุมคุณภาพอย่างใกล้ชิด
ข้อดีของการ Hiring
- ควบคุมได้เต็มที่: สามารถดูแลและสั่งการพนักงานได้โดยตรง ทำให้การทำงานเป็นไปตามทิศทางและมาตรฐานที่วางไว้
- สร้างวัฒนธรรมองค์กร: พนักงานประจำคือผู้ที่จะร่วมสร้างและหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรให้แข็งแกร่ง
- ความผูกพันและความทุ่มเท: พนักงานประจำมักมีความผูกพันกับองค์กรมากกว่า ทำให้มีความทุ่มเทและรับผิดชอบต่องานสูง
- การรักษาความลับ: ข้อมูลภายในองค์กรถูกดูแลอย่างดีกว่า ลดความเสี่ยงในการรั่วไหล
ข้อจำกัดของการ Hiring
- ต้นทุนสูง: ค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ ประกันสังคม โบนัส และค่าใช้จ่ายแฝงอื่นๆ
- ความยืดหยุ่นน้อยลง: การปรับลดหรือเพิ่มพนักงานเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและมีข้อจำกัดทางกฎหมาย
- ภาระการบริหารจัดการ: ต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการสรรหา ฝึกอบรม ดูแล และประเมินผลการปฏิบัติงาน
การจ้างพนักงานประจำเหมาะสำหรับธุรกิจที่เติบโตและมีความมั่นคง ต้องการสร้างทีมที่แข็งแกร่ง มีความต่อเนื่องในการทำงาน และต้องการให้พนักงานมีความผูกพันกับองค์กรในระยะยาว
ปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
- งบประมาณ: หากงบประมาณจำกัด Outsourcing คือทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในช่วงเริ่มต้น
- ลักษณะงาน: งานที่เป็นแกนหลัก งานที่ต้องใช้ความลับ หรือต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ควรจ้างพนักงานประจำ แต่งานสนับสนุน เช่น บัญชี กราฟิก การตลาดบางส่วน สามารถใช้บริการ Outsourcing ได้
- ความต้องการความเชี่ยวชาญ: หากต้องการทักษะเฉพาะทางที่หาคนประจำยาก Outsourcing ช่วยให้เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญได้รวดเร็ว
- ความยืดหยุ่น: ต้องการคนทำงานแบบโปรเจกต์ที่จบเป็นครั้งๆ ไป หรือต้องการคนทำงานแบบประจำที่ผูกพันกับองค์กร
เคยได้ยินเรื่องราวของ “บ้านขนมหวาน” ไหม? ธุรกิจเบเกอรี่ออนไลน์เล็กๆ ที่เริ่มต้นจากความฝันของแม่บ้านคนหนึ่ง ที่อยากให้คนได้ลิ้มรสขนมอร่อยๆ เหมือนทำเองที่บ้าน ในช่วงแรก งบประมาณมีจำกัด ความรู้ด้านการตลาดออนไลน์หรือการออกแบบโลโก้ก็ยังไม่มาก คุณอร เจ้าของบ้านขนมหวาน จึงเลือกใช้บริการ Outsourcing สำหรับงานออกแบบแพ็กเกจจิ้งและสร้างเพจโซเชียลมีเดีย รวมถึงการยิงโฆษณาเล็กๆ น้อยๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณ และได้ผลลัพธ์จากผู้เชี่ยวชาญในราคาที่จับต้องได้
เมื่อธุรกิจเริ่มเติบโต มียอดสั่งซื้อมากขึ้น งานแพ็กของ จัดส่ง ดูแลลูกค้า เริ่มเยอะจนทำเองไม่ไหว งานเหล่านี้กลายเป็นงานแกนหลักที่ต้องทำทุกวันและต้องการความต่อเนื่อง คุณอรจึงตัดสินใจจ้างพนักงานพาร์ทไทม์มาช่วยแพ็กขนมและตอบแชทลูกค้าในช่วงเวลาที่มีออเดอร์เยอะๆ การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นขึ้น และคุณอรก็สามารถควบคุมคุณภาพการบริการลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด เพราะพนักงานที่จ้างมามีความเข้าใจในสิ่งที่ธุรกิจต้องการและใส่ใจลูกค้าเสมือนเป็นเจ้าของร้าน
เรื่องราวของบ้านขนมหวานสะท้อนให้เห็นว่า การตัดสินใจระหว่าง Outsourcing กับ Hiring ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว แต่เป็นการเลือกให้เหมาะสมกับช่วงเวลา งบประมาณ และลักษณะของธุรกิจในแต่ละขั้น การเริ่มต้นด้วย Outsourcing เป็นทางเลือกที่ดีในการลดความเสี่ยงและเข้าถึงทักษะที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่การจ้างพนักงานประจำเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีความผูกพันในระยะยาว กุญแจสำคัญคือการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบและเลือกสิ่งที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในแต่ละขั้นเสมอ
สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจและต้องการที่ปรึกษาในการวางแผนธุรกิจและการตลาดให้สำเร็จในก้าวแรก สามารถติดตามข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ หรือทักเข้ามาพูดคุยกับเราได้โดยตรงที่ Facebook Page: https://www.facebook.com/smartstartupthailand