15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 3)
|

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 3)

ไม่มีแผน 2 แผนต่างๆไม่ว่าจะเป็นแผนธุรกิจ แผนการตลาด หรือแผนการทำงานใดๆ ควรจะมีแผนสำรองหรือแผน 2 เอาไว้เสมอหากกรณีที่อะไรต่างๆจะไม่เป็นไปตามที่คิดและมันมักจะไม่เป็นไปตามที่เราคิด หากเราคิดอะไรที่เป็น worse case เอาไว้ เรามักจะแย่กว่า worst case และการเตรียมแผนเอาไว้รับมือทำให้เราสามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตลอด การคิดเผื่อไว้ไม่ใช่เป็นการคิดแง่ลบ มองแง่ร้าย แต่จะได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้เผื่อหากต้องมีการปรับกลยุทธ์อะไรระหว่างทางดังนั้นการมีแผนสำรองเตรียมไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีเสมอ ยึดติดในแผนการมากเกินไป การยึดติดในแผนการเป็นเรื่องดี แต่การดื้อดันทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องนานๆเข้าโดยไม่ปรับแผนไม่ยืดหยุ่นในการทำงานอาจจะเป็นเรื่องแย่ สิ่งที่ผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวมักจะพลาดกันเสมอคือยึดติดในแผนการที่คิดไว้แผนแรกมากและนานเกินไปหรืออาจจะยึดติดกับหลักการ หลักวิชาการตามหนังสือมากเกินไปทำให้หลายๆครั้งแก้ปัญหาไม่ทันและสายเกินจะแก้ ไม่มีแผนการทำงาน …

อ่านเพิ่มเติม15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 3)

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 2)
|

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 2)

ทำคนเดียวทุกอย่าง ตรงข้ามกับการหาทีมงานมาช่วยการทำ การทำคนเดียวทุกอย่างก็เป็นปัญหาอีกปัญหาหนึ่ง เนื่องจากผู้ประกอบการหลายคนต้องการทำทุกอย่างให้ได้ดั่งใจ ต้องการทำเองทุกๆอย่างเนื่องจากยังไม่ไว้ใจใครในการมาช่วยทำงาน หรืออาจจะยังหาใครมาช่วยไม่ได้ จึงเรียกได้ว่าเจ้าของหรือผู้ประกอบการนั้นจะต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ซึ่งจะกินแรงมากๆ อาจทำให้ต้องทำงานส่วนที่ไม่ถนัดและเสียเวลาที่จะต้องทำงานส่วนสำคัญให้ออกมาได้ดีไปแทน  สินค้าไม่มีความต้องการ สินค้าที่ผลิตมาอาจจะเป็นสินค้าที่ดี สินค้าที่แปลกแตกต่างและมีจุดแข็งในการแข่งขันที่ดี แต่ตลาดอาจไม่ได้ต้องการสินค้านี้ มันถึงไม่เคยมีสินค้านี้มาก่อนก็ได้ การคิดแค่ด้านเดียวว่าหากสินค้ามีความแตกต่างแล้วย่อมจะต้องมีที่ว่างในตลาดนั้นถูกเพียงแค่ครึ่งเดียวเพราะอีกครึ่งนึงนั้นจะต้องมีความต้องการของตลาดรองรับด้วย การที่ทำสินค้าขึ้นมาโดยไม่มีความต้องการของตลาดรองรับ เป็นไปได้สูงว่ากำลังจะเหยียบขาสองข้างสู่ความล้มเหลวต่อให้คุณพยายามมากเท่าไรก็อาจจะสร้างความต้องการของผู้บริโภคขึ้นมาไม่ได้ มองโลกแง่บวกมากเกินไป การมองแง่บวกเป็นเรื่องที่ดีแต่อาจจะไม่ใช่สำหรับธุรกิจ การประเมินยอดขายสูงๆโดยเฉพาะเดือนแรกๆที่เป็นสินค้าใหม่ตลาดและคู่แข่งยังจับทางไม่ได้ อาจจะทำให้มองภาพรวมของตลาดผิดไป สมมติว่าธุรกิจใหม่เปิดขึ้นมาพร้อมสินค้าที่มีความต้องการสูงและยังไม่มีในตลาด แน่นอนยอดขายของคุณจะพุ่งกระฉูดในเดือนแรกๆ และหากคุณมองโลกแง่บวกมากๆ คุณอาจใช้มาตรฐานนี้เป็นตัวกำหนดยอดขายและการเติบโตของคุณได้แต่เชื่อเถอะ …

อ่านเพิ่มเติม15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 2)

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 1)
|

15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 1)

การเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวนั้นอาจจะหอมหวานแต่อาจไม่ใช่กับทุกคน หลายๆคนเจอกับดักที่ทำให้ไปต่อไม่เป็นกันมาเยอะแยะ เรามาดูกันว่ามีกับดักอะไรบ้างที่เราจะต้องระวัง สินค้าแปลก แตกต่างไม่พอ หลายๆคนที่เคยเจอคือเมื่อเห็นใครขายสินค้าอะไรแล้วขายดี ก็ตัดสินใจที่จะขายสินค้าตามๆกันกะจะแย่งเค้กมาบ้าง แต่กลับกลายเป็นว่า มีของอย่างเดียวกันขายอยู่หลายๆร้านและเราก็เป็นหนึ่งในนั้นทำให้เราขายสินค้านั้นๆไม่ได้แม้จะเป็นสินค้าที่ขายดีและในหลายๆกรณีลูกค้าจะเลือกซื้อกับร้านค้าเดิมมากกว่าลองกับร้านใหม่หากยังพอใจกับร้านเดิม ทำให้ร้านใหม่ที่เข้ามาทำสินค้าเหมือนกันขายไม่สามารถหาจุดแตกต่างและทำรายได้ได้มากพอสุดท้ายก็ต้องม้วนเสื่อกลับบ้านไปอย่างรวดเร็ว เงินทุนไม่พอ เงินทุนนั้นจำเป็นใช้สำหรับการทำธุรกิจเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเงินทุนสำหรับการซื้อสินค้ามาสต๊อคไว้เพื่อขาย เงินทุนสำหรับค่าเช่าร้านค้าตบแต่งร้านหรือสร้างตึก เงินทุนสำหรับการดำเนินการ เงินทุนสำหรับพนักงาน เงินทุนสำหรับการตลาด จุดที่น่าเป็นห่วงคือการมองโลกในแง่ดีมากๆเกินไปคิดว่าเมื่อเริ่มต้นธุรกิจปุ๊ปจะได้ลูกค้าปั๊ปและสภาพคล่องจะกลายเป็นบวกทันทีแต่ในกรณีปกติ ธุรกิจใหม่ๆอาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือนเป็นอย่างน้อย อาจจะต้องมีเงินหมุนมากสำหรับ 6-12 เดือนหรือมากกว่านั้นเพื่อให้ธุรกิจยังเดินได้ เงินในมือไม่น้อยเกินไป ยังไม่รวมถึงการขายสินค้าแบบเครดิตเข้าห้างต่างๆซึ่งเครดิตนั้นอาจยาวถึง …

อ่านเพิ่มเติม15 หลุมพรางสำหรับผู้เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว (ตอนที่ 1)

งานประจำ กับ ธุรกิจส่วนตัวอะไรดีกว่ากัน?
|

งานประจำ กับ ธุรกิจส่วนตัวอะไรดีกว่ากัน?

เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับหลายๆคนจะทำงานประจำดีหรือทำธุรกิจส่วนตัวดีกว่ากัน คนที่ทำงานประจำแต่ยังไม่เคยทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อนก็คิดแบบนึง ส่วนคนที่ทำธุรกิจส่วนตัวมาก่อนไม่เคยทำงานประจำก็คิดแบบนึง แล้วแบบไหนละที่ดีกว่ากัน เวลา ทำงานประจำ: สำหรับผู้ทำงานประจำนั้น เวลาเข้าออกงานโดยส่วนใหญ่จะถูกระบุไว้แล้ว เช่น 8.00-17.00 แต่ก็อาจไม่ได้เลิกงานตรงเวลาหรืออาจต้องทำงานล่วงเวลากันโดยที่อาจจะได้รายได้เพิ่มเติมเป็น OT หรือไม่ได้เลย แต่เวลาทำงานก็จะถูกกำหนดจากบริษัทว่าจำเป็นต้องเข้าออกกี่โมง มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์และมีวันหยุดประจำปี ทำธุรกิจส่วนตัว: เวลางานอาจจะยืดหยุ่นกว่า อาจจะเริ่มต้นงานสาย อาจจะเลิกงานเร็วขึ้นหากมีเหตุจำเป็นหรือธุระส่วนตัวที่จำเป็นต้องรีบทำให้เรียบร้อย อาจจะต้องทำงานเยอะกว่าเมื่อทำงานประจำเมื่อมีงานเร่งด่วนหรือว่าอาจต้องทำงานเสาร์อาทิตย์ไม่มีเวลาวันหยุดโดยเฉพาะช่วงแรกๆจะมีเวลาสำหรับการพักผ่อนนั้นน้อยกว่าการทำงานประจำเป็นมาก รวมถึงวันหยุดประจำปีก็อาจจะไม่มีเหมือนตอนทำงานประจำ แต่เมื่อไรที่ทุกอย่างเริ่มลงตัว งานเริ่มจัดการได้รวมถึงจัดการเวลาต่างๆได้ จะทำให้มีเวลาที่ค่อนข้างยืดหยุ่นกว่าช่วงทำงานประจำเป็นอย่างมาก รายได้ …

อ่านเพิ่มเติมงานประจำ กับ ธุรกิจส่วนตัวอะไรดีกว่ากัน?